รีวิว Redmi 13 อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนน่าสนใจ รุ่นประหยัด ที่อัดสเปคมาแน่น ๆ ถ่ายรูปสวยด้วยกล้องความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล จอขนาดใหญ่ 6.79 นิ้ว ถูกใจสายคอนเทนต์ ดูหนัง ดูซีรีย์ ฟังเพลง ได้แบบสะใจ พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ชาร์จไว 33W
ดีไซน์
ในเรื่องของดีไซน์ทรวดทรงองค์เอว Redmi 13 มาในรูปแบบเรียบหรู ขอบเหลี่ยมตัด จับได้กระชับถนัดมือดี น้ำหนัก 205 กรัม เครื่องบาง 8.3 มม. ให้พอร์ตการใช้งานมาครบครัน รวมทั้งช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม ที่หลายรุ่นตัดทิ้งไปแล้ว แต่หลายคนก็ยังชอบการมีอยู่ของสิ่งนี้ ในรุ่นนี้ถือว่าให้มาครบมาก
ส่วนฝาหลัง เป็นพื้นผิวสัมผัสแบบกระจก จับสัมผัสติดมือ ลวดลายฝาหลังสีที่เราได้มาคือสีดำ ที่ไม่ใช่แค่ดำ แต่เป็นดำระยิบ ๆ ถ้าโดนแสงแดดจะส่องเห็นเป็นกากเพชรยิบ ๆ จากภาพที่ถ่ายมาอาจจะดูเหมือนฝุ่นติดเครื่อง แต่จริง ๆ เป็นประกายของดีไซน์เครื่อง สำหรับคนที่ต้องการความเรียบง่าย แต่มีอะไร ฟีลเรียบแต่หรู เขามีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ สีดำ Midnight Black, สีฟ้าน้ำทะเล Ocean Blue และสีชมพู Pearl Pink
การวางกล้องหลังจัดวางแบบเรียบง่าย ไม่มีแท่นโมดูลนูนขึ้นมา ส่วนเรื่องความแข็งแรงทนทานได้ มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น IP53 ทนต่อฝุ่น และน้ำกระเซ็น ละอองเบา ๆ
หน้าจอ
Redmi 13 มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 6.79 นิ้ว ถือว่าจอใหญ่ใช้ได้ ใครชอบดูหนัง ฟังเพลง ดูซีรีย์ รุ่นนี้ใหญ่เต็มตา ใช้กระจกจอ Corning Gorilla Glass ความแข็งแรงทนทานสูง ความละเอียด FullHD+ (2460 x 1080) จอคมชัด ความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 550nits มองเห็นหน้าจอในพื้นที่สว่างได้ดี แต่ถ้ายืนกลางแจ้งแดดจัด ยิ่งเป็นแดดบ้านเราก็อาจจะสู้แสงจัดๆ ไม่ค่อยไหว
ส่วนตัวจอ รีเฟรชเรท 90Hz เป็น AdaptiveSync ที่สามารถปรับแต่งรีเฟรชเรท ได้ตามการใช้งาน หรือเลือกปรับอัตโนมัติเพื่อความใหลลื่นของจอ ในขณะที่ประหยัดพลังงาน ของตัวเครื่องไปในตัวด้วย เพราะไม่จำเป็นจะต้องเปิดรีเฟรชเรท สูงตลอดเวลา
กล้องหน้าเป็นกล้องแบบเจาะรู ขนาดเล็ก ไม่กินพื้นที่หน้าจอ และที่สำคัญ ยังได้มาตรฐานการรับรองจาก TÜV Rheinland ว่าเป็นจอที่เป็นมิตรต่อสายตา ทั้งเรื่องของแสงสีฟ้า เพื่อช่วยถนอมดวงตา สามารถใช้งานได้ยาวนาน ทั้งวันโดยที่ยังรู้สึกสบายตา
ประสิทธิภาพ
Redmi 13 มา มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Helio G91-Ultra ที่เป็นตัวปรับปรุงใหม่ จาก Helio G88 บนพื้นฐาน Android 14 ครอบทับด้วย Xiaomi HyperOS รองรับสัญญาณ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.3 ส่วน RAM ขนาด 8GB ถ้ายังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ ยังขยายได้เพิ่มอีกสูงสุดเป็น 8GB รวมเป็น 16GB มาพร้อมพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาด 128GB
ลองเอาไปเล่นเกมสักหน่อย กับเกม Call of Duty เรื่องการปรับความละเอียด สามารถปรับคุณภาพกราฟิกได้ในระดับกลาง และปรับเฟรมเรทได้ระดับสูงสุด สามารถเล่นได้ไหลลื่นดี ไม่เจอจังหวะกระตุก แม้ในตอนที่ใช้สไนเปอร์ซูมเข้าไป ถ้าเครื่องเอาไม่อยู่ จังหวะนี้จะมีสโตรคนิดนึง และเขายังมี Game Turbo ฟังก์ชั่นพิเศษที่ช่วยให้การเล่นเกม ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
ความปลอดภัยในการเข้าถึงตัวเครื่อง รองรับการสแกนลายนิ้วมือ และใบหน้า โดยเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่ตรงปุ่มพาวเวอร์ เป็นตำแหน่งที่สะดวกสุด ๆ สามารถเข้าถึงตัวเครื่องได้รวดเร็ว
แบตเตอรี่
ส่วนแบตเตอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ เพราะให้มามากถึง 5030 mAh รองรับความเร็วในการชาร์จสูงถึง 33W ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ได้เต็มเร็ว ในระยะเวลาประมาณ 70 นาที ซึ่งจากการลองนำไปใช้งานจริงทั้งวัน ทั้งถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ เล่นเกมส์ ตัวเครื่องก็ยังมีแบตเตอรี่เหลือ ๆ กลับมาชาร์จที่บ้าน สรุปได้ว่า แบตเตอรี่เพียงพอต่อการใช้งานได้ทั้งวัน
กล้อง
กล้องของ Redmi 13 ให้มาด้วยกันทั้งหมด 2 ตัว เป็นกล้องความละเอียดสูงถึง 108MP เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM6 ขนาดใหญ่ 1/1.67″ ซูมได้สูงสุด 3X ในระดับราคาเท่านี้ แต่ได้กล้องมาขนาดนี้ ถือว่าคุ้มค่ามากๆ แล้ว พร้อมเลนส์มาโคร 2MP เพื่อถ่ายภาพในระยะที่ใกล้มาก ๆ เพื่อสร้างมุมมองภาพถ่ายที่แปลกใหม่
ภาพตัวอย่าง 108MP
ในภาพซ้ายจะเป็นภาพขนาดเต็ม ขณะที่ภาพขวาเป็นภาพที่เราซูมเข้าไปให้เห็นรายละเอียดเล็ก ๆ เพื่อดูคุณภาพของไฟล์
ซูม 3 เท่า
HDR
นี่คือฟังก์ชั่นที่ช่วยให้การถ่ายภาพถ่ายย้อนแสง สามารถดึงรายละเอียดออกมาได้มากขึ้น โดยจะเกลี่ยแสงให้สมดุลกันทั้งภาพ จุดไหนที่สว่างเกินไปก็จะดรอปให้ลงมา หรือจุดไหนมืดเกินไปก็จะปรับให้แสงสว่างขึ้นมา
ภาพถ่ายบุคคล
ในโหมดภาพถ่ายบุคคล เลือกปรับค่า F ได้ตั้งแต่ F1.4 – F16 แต่หลังจากถ่ายออกมาแล้ว ยังสามารถเข้าไปปรับแก้ไขระยะเบลอ ได้ภายหลังจากถ่ายออกมาแล้ว ในแกลอรี่ได้อีกด้วย ส่วนการตัดฉากหลังทำได้ค่อนข้างดี ตัดได้ค่อนข้างละเอียด
Macro 2MP
นี่คือเลนส์ที่ช่วยให้เราถ่ายภาพ ในมุมมองที่แปลกใหม่จากที่ตาเราเห็น เพื่อถ่ายสิ่งที่อยู่ใกล้มาก ๆ เช่นเปลือกไม้ เกษรดอกไม้ การถ่ายภาพในโหมดนี้แนะนำให้ถ่ายในจุดที่มีแสงสว่างเพียงพอ และให้ตัวเครื่องออกห่างจากวัตถุประมาณ 6-8 ซม.
กล้องหน้า
กล้องหน้า 13MP สามารถถ่ายหน้าชัดหลังละลาย เลือกปรับค่า F เลือกรูปแบบการละลายของฉากหลังได้ตามต้องการ เสียดายนิดนึง ที่พอกดโหมด ภาพถ่ายบุคคลแล้ว ดันไม่มีโหมดบิวตี้ให้ได้ปรับผิว จะปรับรูปหน้า ปรับความเรียบเนียน ทำหน้าวี ได้ในโหมดภาพถ่ายปกติเท่านั้น
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าในค่า F ที่ต่างกัน
ภาพแรกคือค่า F ต่ำสุด F1.4 จะเห็นได้ว่าเบลอค่อนข้างมาก ภาพกลางคือ F4 และภาพสุดท้ายคือ F16 ที่ไม่หลงเหลือความเบลอใด ๆ อีกเลย ใครชอบสไตล์ไหน เลือกปรับแต่งได้ตามใจเลย
ราคา
โดยราคาของ Redmi 13 เปิดมาอยู่ที่ 5,499 บาท ความจุเดียว 8GB+128GB มีให้เลือก 3 สี Midnight Black, Ocean Blue และ Pearl Pink วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยวันที่ 28 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไปที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายชั้นนำ ที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมทั้งช่องทางออนไลน์
พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi 13 ในระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2567 จะได้รับไปเลย Redmi 13 Giftbox Artstory by Autistic Thai มูลค่า 599 บาท
สรุป รีวิว Redmi 13
นี่คือสมาร์ทโฟนรุ่นประหยัด ที่ให้สเปคมาเกินตัวในหลาย ๆ จุด ทั้งกล้อง 108MP แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5030 mAh ที่รองรับชาร์จไวถึง 33W ชิปเซ็ต MediaTek Helio G91-Ultra ก็สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล เพิ่ม RAM เสมือนจาก 8GB ได้เป็น 16GB ในราคาเท่านี้ ถือว่าจัดหนักจัดเต็มเลยทีเดียว รองรับการใช้งานทั่วไปได้อย่างดี ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เล่นโซเชียล ส่วนจุดสังเกต ถ้าใครที่ชอบการถ่ายรูปก็อาจจะรู้สึกเสียดายที่ไม่มีเลนส์ Ultra-Wide มาให้ได้ใช้งานกัน แต่ภาพรวมสเปคขนาดนี้ ก็ถือว่าได้มาเกินคุ้มมากๆ แล้ว
You must be logged in to post a comment.