เชื่อว่าหลายคนเวลาเลือกซื้อโน้ตบุ๊กสักหนึ่งเครื่อง คงมองหารุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะการเล่นเกมร่วมกับการทำงานด้านเวิร์คสเตชันขนาดย่อม ซึ่งวันนี้ผมมีโน้ตบุ๊กอีกรุ่นหนึ่งที่น่าจะเหมาะกับผู้ใช้กลุ่มนี้อย่างมาก นั่นคือเจ้า ASUS ROG Flow X13 !!
ผมขอเกริ่นอีกสักเล็กน้อย ตัวผมเองก็เป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกสวยงามและเล่นลื่น ๆ ในระดับหนึ่ง ประกอบกับการที่ต้องทำงานหลากหลาย ตั้งแต่พิมพ์เอกสารธรรมดา ๆ ไปจนถึงงานตัดต่อวิดีโอความยาวหลายนาที ซึ่งโน้ตบุ๊กที่ตอบโจทย์ต้องมีประสิทธิภาพที่ดีและเจ้า ROG Flow X13 ก็คือหนึ่งในโน้ตบุ๊กที่ผมจะเลือกนั่นเองครับ
Design
เริ่มต้นกันที่ดีไซน์ภายนอก ตัวเครื่องทั้งหมดจะใช้สีดำเพื่อแสดงถึงความพรีเมี่ยมและดูหรูหรา บริเวณฝาหลังมีการเล่นลายแนวขวาง และเมื่อมองดี ๆ จะเห็นการเล่นแสงของลวดลายบนฝาหลังแบ่งครึ่งโซนดูเท่ไปอีกแบบ แต่ลายเหล่านี้ไม่ได้ทำออกมาเพื่อความสวยงามอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้การจับถือเวลาพกพาไม่ให้ลื่นหลุดขณะใช้งานด้วย
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือตัวเครื่องที่ค่อนข้างบาง สามารถเก็บลงกระเป๋าได้อย่างสะดวกไม่กินพื้นที่เหมือนเกมมิ่งโน้ตบุ๊กทั่วไป น้ำหนักจะอยู่ที่ราว ๆ 1.3 กิโลกรัมไม่ได้หนักจนเกินไป ถ้าใครอยากได้โน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงแต่ตัวเครื่องบางและพกพาง่าย ROG Flow X13 นับว่าตอบโจทย์ที่เพื่อน ๆ ต้องการแน่นอนครับ
Display
จอแสดงผลของ ROG Flow X13 เป็นจอสัมผัสขนาด 13.4 นิ้ว ใช้กระจก Gorilla glass มีความทนทานเป็นพิเศษ และลดรอยขีดข่วนจากการขีดเขียนเมื่อเราใช้งานร่วมกับ ASUS Pen นอกจากนี้ จอแสดงผลใช้พาเนล IPS ความละเอียด WUXGA (1920 x 1200) อัตราส่วน 16:10 และอัตรารีเฟรช 120 Hz รองรับเทคโนโลยี Adaptive Sync มีค่าช่วงสี 100% sRGB และได้รับการตรวจคุณภาพสีจาก Panton ตามมาตรฐานของจอ ProArt TrueColor จะเห็นได้ว่าสเปกระดับนี้ไม่ว่าจะเล่นเกม หรืออทำงานกราฟิกก็สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่เลยครับ
ในเรื่องของการใช้งานจอสัมผัส ROG Flow X13 มีบานพับที่สามารถพลิกได้แบบ 360 องศา เพื่อน ๆ สามารถเปลี่ยนโหมดการใช้งานได้ทั้งหมด 4 รูปแบบ คือ
– โหมดทั่วไป (Laptop mode) เพื่อทำงานและเล่นเกม
– โหมดตั้ง (Stand Mode) เพื่อดูจอภาพร่วมกับผู้อื่น
– โหมดเต็นท์ (Tent Mode) เมื่อวางในที่แคบ เพื่อเปิดการระบายความร้อนที่ช่วยลดอุณหภูมิของซีพียูได้ถึง 8 องศาเซลเซียส
– โหมดแท็บเล็ต (Tablet Mode) เป็นการพลิกจับกลับใช้งานเป็นจอเดี่ยว เพื่อเพลิดเพลินกับจอสัมผัสสำหรับการวาดภาพและการจดบันทึกที่ง่ายกว่าเดิม
จากประสบการณ์ที่ได้ใช้งานจอสัมผัสมา บอกเลยว่าถ้าเพื่อน ๆ ได้ลองใช้แล้วจะติดใจ โดยเฉพาะใครที่ต้องใช้ในการเรียนออนไลน์ หรือการวาดภาพ/งานออกแบบต่าง ๆ ปากกา ASUS Pen ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม และสีจอที่คมชัด สดใส ช่วยให้เราทำงานได้อย่างราบลื่นขึ้น
และแน่นอนว่า ASUS ยังคงให้ความสำคัญกับการใช้งานโน้ตบุ๊กยุค New normal ทุกคนเริ่มทำงาน/เรียนออนไลน์ และมีประชุมอยู่บ้านกันมากขึ้น ROG Flow X13 จึงมีกล้องเว็บแคมความละเอียด 720p มาให้ด้วย ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปครับ
Keyboard and Audio
คีย์บอร์ดแบบ Chiclet ให้สัมผัสการกดที่นุ่มและมีการดีดตัวรับกับนิ้วได้ดี สามารถพิมพ์งานได้อย่างราบลื่น อีกทั้งยังมาพร้อมกับไฟใต้คีย์บอร์ดเหมาะกับคนที่ต้องทำงานในทุกสภาพแสง (อย่างเช่นผมเองที่บางครั้งชอบทำงานก่อนนอน แล้วปิดไฟในห้องจนหมดแล้ว) บริเวณทัชแพดก็ให้พื้นที่มาค่อนข้างเยอะ รองรับการควบคุมแบบ 2 และ 3 นิ้วครับ
ทางด้านระบบเสียง ASUS จัดเต็มเป็นลำโพงคู่ที่จูนระบบเสียงด้วยมาตรฐาน Dolby Atmos อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยี Smart Amplifier ให้เสียงดังกระหึ่ม เบสหนักแน่น ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมก็ทำได้ดีทุกด้าน ส่วนไมโครโฟนที่ติดมาให้ด้วยก็ยังมีระบบตัดเสียงรบกวนด้วย AI ซึ่งอันนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบเล่นเกมออนไลน์กับเพื่อน ๆ หรือนักแคสต์เกมที่ไม่อยากหาไมโครโฟนมาติดตั้งเพิ่ม ก็สามารถใช้งานได้ดีในระดับหนึ่งครับ
Connections and Battery
พอร์ตการเชื่อมต่อด้านข้างตัวเครื่อง ประกอบด้วยแจ็ค 3.5 mm รองรับเสียงเข้าและออก, HDMI 2.0b, USB 3.2 Gen 2 Type-A, ROG XG Mobile Interface**, 2x USB 3.2 Gen 2 Type C รองรับ DisplayPort และ Power Delivery
** พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกล่อง External GPU ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถซื้อเพิ่มเติมได้สำหรับคนที่ต้องการประสิทธิภาพด้านกราฟิกเพิ่มเติม
ทางด้านเน็ตเวิร์ค จะรองรับเทคโนโลยี Wi-Fi 6(802.11ax) เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ร่วมกับ Bluetooth 5.1 (Dual band) 2*2
ส่วนแบตเตอรี่ของ ROG Flow X13 นั้น เป็นแบต Li-ion แบบ 4-cell 62Whrs พร้อมด้วยอะแดปเตอร์ชาร์จ 100W เชื่อมต่อด้วยพอร์ต USB-C ซึ่งเมื่อชาร์จแบตจนเต็มก็ใช้งานได้ค่อนข้างนานสูงสุด 10 ชั่วโมง (กรณีที่พิมพ์งานเอกสาร หรือการแต่งรูปทั่วไปครับ)
Performance and Software
เอาล่ะเราร่ายสเปกกันไปยาวเหยียด ทีนี้มาดูประสิทธิภาพของตัวเครื่องกันบ้าง สำหรับ ROG Flow X13 เครื่องนี้ ขับเคลื่อนด้วยซีพียู AMD Ryzen 9 5900HS แกนประมวลผล 8 Cores/16 Threads การ์ดจอจะใช้เป็น NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti 4GB พร้อมด้วยแรม 2x16G LPDDR4X และ SSD 1TB PCIe 3.0 เห็นเท่านี้ก็รู้ดีแล้วว่า ไม่ว่าจะเล่นเกมหรือทำงานตัดต่อวิดีโอกราฟิกต่าง ๆ สเปกระดับนี้เหลือ ๆ เลยครับ
การทดสอบประสิทธิภาพซีพียู Ryzen 9 5900HS
การ์ดจอแยก GeForce RTX 3050 Ti 4GB เพียงพอต่อการเล่นเกม eSport อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Ray Tracing ให้การแสดงผลภาพสมจริง และ DLSS เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมความละเอียดสูง
ความเร็วของ SSD 1TB PCIe 3.0 ไม่ว่าไฟล์จะใหญ่แค่ไหนก็ขนส่งข้อมูลได้อย่างฉับไว
นอกจากนี้ ROG Flow X13 ยังมาพร้อม Windows 10 Home ตั้งแต่แกะกล่อง เรียกได้ว่าใช้งานได้ทันทีเพียงแค่กดปุ่มเปิดเครื่อง อีกทั้งยังรองรับการอัปเกรดไปเป็น Windows 11 ด้วย
และที่สำคัญ ASUS มีซอฟต์แวร์ Armoury Crate สำหรับปรับแต่งประสิทธิภาพให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละรูปแบบ สมมุติเราต้องการเล่นเกมแบบจัดเต็ม สามารถปรับมาใช้โหมด Performance หรือ Turbo แต่ถ้าต้องการใช้งานแค่พิมพ์งานเอกสาร เน้นประหยัดแบต ก็ปรับมาใช้โหมด Silent ที่จะให้เสียงของพัดลมเงียบลงกว่าเดิมครับ
Conclusion
ใครที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กพกพาง่ายแต่ประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์ทุกการทำงานตั้งแต่การพิมพ์งานทั่วไป, การเล่นเกม, งานกราฟิกตัดต่อ หรือแม้กระทั่งดูหนังฟังเพลงไปจนถึงใช้เรียนออนไลน์ ASUS ROG Flow X13 นับว่าเป็นโน้ตบุ๊กที่ครบเครื่องที่สุดเลยครับ นอกจากนี้ ทาง ASUS ยังรับประกันแบบ On-site service ให้ถึง 3 ปีเต็ม สุดยอดบริการหลังขายที่จัดเต็มไม่แพ้กัน เพราะฉะนั้น ห้ามพลาดเลยนะครับบอกได้เลยว่า “ดีครบจบในเครื่องเดียว”
ถ้าเพื่อน ๆ สนใจ สามารถช้อปออนไลน์ได้เลยที่นี่ >>> https://bit.ly/3DplMnC
You must be logged in to post a comment.