CES: อินเทลตอกย้ำผู้นำตลาดโซลูชันไอที ชูขุมพลังโปรเซสเซอร์โมบายล์เร็วแรงที่สุดในโลก

ประเด็นข่าวสำคัญ

  • อินเทลประกาศเปิดตัวตระกูลโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ชูโรงด้วยไฮไลต์สำคัญอย่างโปรเซสเซอร์รุ่นเรือธงล่าสุด Intel® Core™ i9-13980HX ครั้งแรกกับจำนวนคอร์สูงสุดถึง 24 คอร์ ตอบโจทย์การใช้งานกับแล็ปท็อปอย่างลงตัว และถือเป็นโปรเซสเซอร์โมบายล์ที่เร็วแรงที่สุดในโลกในตอนนี้1
  • เปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core H-ซีรีส์ P-ซีรีส์ และ U-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 เสริมพลังขับเคลื่อนแล็ปท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมดีไซน์บางเฉียบและน้ำหนักเบาแต่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงอุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ
  • เผยโซลูชัน Intel Unison ที่ช่วยยกระดับคุณสมบัติใหม่ ๆ ของแล็ปท็อปตามมาตรฐานสัญลักษณ์ Intel® Evo™ ด้วยสเปกที่โดดเด่นอย่างการช่วยยืดอายุการใช้งานจริงของแบตเตอรี่ได้นานขึ้น พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์พร้อมกัน
  • เปิดตัวผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในกลุ่มเดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 13 ที่ใช้พลังงานระดับ 65 วัตต์ และ 35 วัตต์ เหมาะสำหรับทั้งเดสก์ท็อปพีซีทั่วไป อุปกรณ์พีซีแบบ All-in-one อุปกรณ์พีซีที่มีขนาดเล็ก (small form-factor) ไปจนถึงอุปกรณ์ IoT
  • เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Intel® N-ซีรีส์ ใหม่ เพื่อใช้สำหรับการเรียนการสอนระดับเริ่มต้น เหมาะสำหรับแล็ปท็อปทั่วไป เดสก์ท็อปพีซี และแอปพลิเคชันแบบ Edge Native

กรุงเทพฯ 4 มกราคม 2566 – อินเทลได้ประกาศเปิดตัวตระกูลโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 13 ใหม่ล่าสุดที่งาน CES 2023 หรือ Consumer Electronics Show 2023 พร้อมขุมพลังที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่เหนือชั้นสำหรับการใช้งานกับแพลตฟอร์มโมบายล์ต่าง ๆ โดยเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 13 รุ่นใหม่ จำนวน 32 ตัว ชูฟีเจอร์อัดแน่นพร้อมมอบศักยภาพการทำงานที่ตอบโจทย์แล็ปท็อปในทุกเซกเมนต์

นางสาวมิเชล จอห์นสตัน โฮลท์เฮาส์ (Michelle Johnston Holthaus) รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Client Computing Group ของอินเทล กล่าวว่า “ประสิทธิภาพการทำงานอันเหนือชั้นและความสามารถในการขยายขนาดได้ตามต้องการของตระกูลโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 13 ช่วยขับเคลื่อนศักยภาพแพลตฟอร์มชั้นนำให้กับแล็ปท็อปได้ทุกรุ่น ด้วยเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติชั้นนำในอุตสาหกรรมและระบบนิเวศเครือข่ายพันธมิตรระดับโลกของอินเทล ทุกคนจะสามารถสัมผัสประสบการณ์การใช้งานชั้นยอดได้ทุกที่บนอุปกรณ์พีซีในขนาดใหม่ ๆ ที่หลากหลายและแตกต่างกัน ไม่ว่าผู้ใช้จะเล่นเกมหรือสร้างสรรค์ผลงานจากที่ใดก็ตาม”

โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core H-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพเทคโนโลยีชั้นนำในอุตสาหกรรม

อินเทลยังคงเดินหน้าก้าวข้ามขีดจำกัด พร้อมขยายขุมพลังประสิทธิภาพและศักยภาพแห่งการประมวลผลเพื่อเหล่าเกมเมอร์และนักสร้างสรรค์เนื้อหาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core H-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 รวมถึงโปรเซสเซอร์ตัวแรกที่มีจำนวนคอร์ถึง 24 คอร์สำหรับการใช้งานกับแล็ปท็อป เมื่อผสานเข้ากับฟีเจอร์ที่โดดเด่นอย่างเครื่องมือรองรับหน่วยความจำ DDR4 และ DDR5 ฟังก์ชันการเชื่อมต่อที่เหนือชั้นและรองรับการใช้งาน  PCIe Gen 5 จึงทำให้โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core HX เจนเนอเรชั่น 13 กลายเป็นแพลตฟอร์มสำหรับโมบายล์เกมที่ดีที่สุดในโลกในตอนนี้2

ไฮไลต์เด่นของโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core HX ใหม่ มีดังต่อไปนี้

  • ความถี่ในการคล็อก (clock) หรือความเร็วสัญญาณนาฬิกาของโปรเซสเซอร์ ในระดับเทอร์โบสูงสุดถึง 5.6 กิกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นความเร็วในการคล็อกสำหรับแล็ปท็อปที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ส่งมอบประสิทธิภาพการทำงานแบบเธรดเดียวได้เร็วขึ้นถึง 11%3 และแบบหลายเธรดเร็วขึ้นถึง 49% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า4
  • จำนวนคอร์สูงสุดถึง 24 คอร์ (8 Performance-core และ 16 Efficient-core) 32 เธรด และเสริมด้วย Intel® Thread Director ที่มีการพัฒนาเพิ่มเติม
  • รองรับหน่วยความจำสูงสุดรวม 128 กิกะไบต์สำหรับ DDR5 (สูงถึง 5,600 เมกะเฮิรตซ์) และ DDR 4 (สูงถึง 3,200 เมกะเฮิรตซ์)
  • รองรับ Intel® Killer™ Wi-Fi 6E (Gig+) ด้วยความเร็วของการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้นสูงสุด 6 เท่า โดยไม่มีการแทรกแซงจากช่องสัญญาณ Wi-Fi เดิม5
  • ระบบเชื่อมต่อบลูทูธใหม่ล่าสุดผ่าน Intel® Bluetooth LE Audio และ Bluetooth 5.2 เพิ่มความเร็วการเชื่อมต่อสูงสุดถึง 2 เท่า และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลายโดยใช้พลังงานน้อย
  • รองรับ Thunderbolt 4 เร่งความเร็วการโอนถ่ายข้อมูลได้สูงสุดถึง 40 กิกะบิตซ์ต่อวินาที และเชื่อมต่อพีซีเข้ากับจอมอนิเตอร์ 4K และอุปกรณ์เสริมได้หลากหลายตัว
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานกราฟิกแบบผสมผสานให้ดียิ่งขึ้น โดยอาศัยชุดเทคโนโลยีไดรฟ์เวอร์ที่ถูกพัฒนาใหม่และข้อมูลสำคัญจากการศึกษาหน่วยกราฟิกแยกของอินเทล
  • ความสามารถในการโอเวอร์คล็อกในโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core HX และ HK ทุกตัว

ด้วยขุมพลังประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 13 ที่ให้ความเร็วแรงมากกว่าเจนเนอเรชั่น 12 ถึง 5 เท่า ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้แล็ปท็อปที่ใช้โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core HX กว่า 60 รุ่น ในการสตรีม สร้างสรรค์ผลงาน หรือเล่นเกมได้เป็นอย่างดีและราบรื่นตามกำลังสูงสุด

โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core P-ซีรีส์ และ U-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้แล็ปท็อปดีไซน์บาง-น้ำหนักเบา

นอกจากนี้ อินเทลยังได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core P-ซีรีส์ และ U-ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 13 ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มองหาแล็ปท็อปที่มีประสิทธิภาพการใช้งานสูงพร้อมดีไซน์บางเฉียบให้สร้างสรรค์งานหรือเล่นเกมได้ทุกที่ โดยมีไฮไลต์สำคัญดังนี้

  • จำนวนคอร์สูงสุดถึง 14 คอร์ (6 Performance-core และ 8 Efficient-core) เสริมด้วย Intel® Thread Director
  • ฟีเจอร์กราฟิก Intel® Iris® Xe ใหม่ ซึ่งรวมการใช้งานสำหรับ endurance gaming, XeSS Super Sampling และ Intel® Arc™ Control
  • รองรับหน่วยความจำได้หลากหลาย ทั้ง DDR5, DDR4 และ LP ต่าง ๆ
  • รองรับ Intel® Killer™ Wi-Fi 6E (Gig+) และฟีเจอร์เชื่อมต่อไร้สายอย่าง Intel® Connectivity Performance Suite, Intel® Wi-Fi Proximity Sensing และ Intel® Bluetooth LE Audio6
  • รองรับ Thunderbolt™ 4 มากสุดถึง 4 พอร์ตเพื่อการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว สะดวกสบาย และมีความเสถียรมากที่สุด ไม่ว่าจะใช้งานกับแท่นเชื่อมต่อ (Dock) ดิสเพลย์จอแสดงผล หรืออุปกรณ์อื่น ๆ7

นับเป็นครั้งแรกที่แล็ปท็อปที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 13 จะมาพร้อมกับฟีเจอร์อย่างหน่วยประมวลผลวิสัยทัศน์ Intel® Movidius vision processing unit (VPU) ซึ่งเป็นผลจากการประสานงานด้านวิศวกรรมร่วมกับบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ในโหมด Window Studio Effects ใหม่ล่าสุด หน่วย VPU ใหม่นี้สามารถช่วยในการประมวลผลที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent: AI) เพื่อการทำงานร่วมกันของระบบและการสตรีมระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ ทำให้หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit: CPU) และหน่วยประมวลผลภาพกราฟิก (Graphics Processing Unit: GPU) มีพื้นที่ว่างสำหรับเวิร์กโหลดอื่น ๆ หรือการทำงานแบบมัลติทาสกิ้งอื่น ๆ แทนได้

โปรเซสเซอร์โมบายล์ H-ซีรีส์, P-ซีรีส์ และ U-ซีรีส์ใหม่ จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพของแล็ปท็อปรุ่นใหม่ให้ทำงานได้ราบรื่นกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นแล็ปท็อปที่มีดีไซน์บางเฉียบและน้ำหนักเบาแต่ประสิทธิภาพสูง หรืออุปกรณ์ 2-in-1 แบบพับได้ และฟอร์มแฟคเตอร์อื่น ๆ อีกมากมาย โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีแล็ปท็อปดีไซน์ใหม่ ๆ ที่ไม่ซ้ำกันกว่า300 รุ่นเปิดตัวในตลาด เช่น Acer, Asus, Dell, HP, Lenovo, MSI, Razer, Republic of Gamers, Samsung และอื่น ๆ

สำหรับ IoT edge นั้น โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 13 มีฟีเจอร์รูปแบบใหม่ ๆ ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์การใช้งานในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย รวมถึงระบบปฏิบัติการที่ควบคุมอุณหภูมิของอุปกรณ์ให้ทำงานได้ต่อเนื่องยาวนานมากขึ้น และ CPU ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมความสามารถด้านกราฟิกและประสิทธิภาพ AI ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมค้าปลีก การศึกษา การดูแลสุขภาพ การบินและอวกาศ อุตสาหกรรม และเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยโปรเซสเซอร์ตัวใหม่นี้จะเพิ่มประสิทธิภาพการผสานรวมเวิร์กโหลดที่ดีขึ้นด้วยคอร์และเธรดที่มากขึ้น ส่งผลให้แอปพลิเคชันสามารถทำงานบนอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในเครื่องเดียว

แล็ปท็อปรุ่นใหม่ที่ผสานพลัง Intel Evo มาพร้อมแบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น และประสบการณ์การใช้งานที่เหนือชั้น

อินเทลยังคงเดินหน้าในการยกระดับมาตรฐานแล็ปท็อปและอุปกรณ์แบบพกพาอื่น ๆ ตามมาตรฐานสัญลักษณ์ Intel® Evo™ ภายใต้ข้อกำหนดใหม่นี้ แล็ปท็อปมาตรฐาน Intel Evo ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 13 จะมอบประสบการณ์การใช้งานที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่

  • ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือชั้นและราบรื่นไม่มีสะดุด: ได้รับการรับรองถึงประสิทธิภาพความรวดเร็วในการตอบสนองอย่างสม่ำเสมอแม้ในขณะที่ไม่ได้เสียบปลั๊ก อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น รวมไปถึงการเปิดเครื่องแล้วใช้งานได้ทันที และการชาร์จเร็ว
  • การทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด: ด้วยการยกระดับการประชุมทางวิดีโอ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เช่น Intel Connectivity Performance Suite และ Intel Bluetooth LE Audio8
  • Intel Unison ที่พร้อมใช้งานบนแล็ปท็อป: เต็มอิ่มไปกับอิสระแห่งการทำงานบนหลากหลายอุปกรณ์ได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ การคุยโทรศัพท์ การแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ และการถ่ายโอนไฟล์จากพีซีไปยังโทรศัพท์ที่เปิดใช้งานในระบบบนอุปกรณ์ Android หรือ iOS9

นอกจาก Intel Evo จะมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับบนแล็ปท็อปแล้ว โครงการ Engineered for Intel Evo ยังได้ขยายมาตรฐานระดับสูงในการตรวจสอบรับรอง และร่วมมือกับผู้ผลิตชั้นนำมากมาย นอกจากแท่นเชื่อมต่อ Thunderbolt 4, จอภาพ, ที่เก็บข้อมูล และชุดหูฟังไร้สายแล้ว อุปกรณ์เสริมใหม่ ๆ เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด และอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi จากพันธมิตรหลักยังเข้าร่วมโครงการดังกล่าวด้วย

โปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel Core เจนเนอเรชั่น 13 ตอกย้ำความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในตระกูล

อินเทลตอกย้ำประสบการณ์การใช้งานโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปที่ดีที่สุดในโลก ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในวันนี้10 ต่อเนื่องจากการเปิดตัวตระกูลเดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์เจนเนอเรชั่น 13 ครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา กับโปรเซสเซอร์ K-ซีรีส์ และล่าสุดกับเดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 13 ที่ใช้พลังงานขนาด 35 วัตต์ และ 65 วัตต์ที่ช่วยให้ผู้ใช้พีซีทั่วไปมีทางเลือกสำหรับประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นในขณะที่ยังคงให้ประสิทธิภาพชั้นยอดสำหรับการเล่นเกม การสร้างสรรค์เนื้อหา และประสิทธิภาพการใช้งาน

โดยมีไฮไลต์สำคัญดังต่อไปนี้

  • ความถี่สูงสุดถึง 5.6 GHz, 24 คอร์/ 32 เธรด – พร้อมการเปิดตัวคอร์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับโปรเซสเซอร์หลักอย่าง Intel Core i5 และหน่วยความจำแคช L2 ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อนำมารวมกันจะสามารถมอบประสิทธิภาพการทำงานแบบเธรดเดียวได้สูงสุดถึง 11% และแบบหลายเธรดได้สูงสุดถึง 34% เมื่อเทียบกับ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12  non-K โปรเซสเซอร์11 ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า (gen-over-gen) เหล่านี้ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าโปรเซสเซอร์ Intel Core non-K เจนเนอเรชั่น 13 ขนาด 35 วัตต์และ 65 วัตต์รุ่นใหม่จะมอบประสิทธิภาพที่ก้าวล้ำไปอีกขั้นทั้งในการเล่นเกมและการสร้างสรรค์เนื้อหาสำหรับผู้ใช้พีซีทั่วไป
  • รองรับการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบทั้งเดินหน้าและย้อนหลังกับเมนบอร์ดขนาด 600- และ 700-ซีรีส์ รวมทั้งยังสามารถรองรับทั้งหน่วยความจำ DDR5 และ DDR4 ได้ด้วย
  • ปรับปรุงด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยเทคโนโลยี Intel Dynamic Tuning และสามารถปรับขนาดการใช้พลังงานได้ดีขึ้น พร้อมมอบประสิทธิภาพการทำงานต่อวัตต์ (PPW) ที่ดียิ่งขึ้นกว่าที่เคย

อินเทลเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Intel N-ซีรีส์ ใหม่ สำหรับการประมวลผลระดับเริ่มต้น

หลังจากประกาศเลิกใช้ชื่อ Intel Pentium and Intel Celeron branding ในการทำตลาด วันนี้อินเทลได้เปิดตัว Intel Processor และ Intel Core i3 รุ่นใหม่ในตระกูล N-ซีรีส์ สำหรับใช้งานด้านการศึกษา การ์ประมวลผลระดับเริ่มต้น และแอปพลิเคชัน IoT แบบ Edge Native โดยมีฟีเจอร์สำคัญดังนี้

  • Efficient-cores รุ่นใหม่ (สถาปัตยกรรมขนาดเล็กที่ใช้โค้ดเนม Gracemont) ซึ่งสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีการประมวลผลของ Intel 7
  • ยกระดับประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันได้สูงสุดถึง 28% และเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกได้ดีขึ้นถึง 64% บนโปรเซสเซอร์ของอินเทล เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า.12
  • ครั้งแรกของการขยายขนาดเทียบเท่ากับ Intel Core i3 N-ซีรีส์ใหม่ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันสูงถึง 42% และประสิทธิภาพกราฟิกถึง 56% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า13
  • ความสามารถในการเล่นวิดีโอ HD ได้ยาวนานสูงสุดถึง 10 ชั่วโมงโดยไม่ต้องชาร์จ14
  • ถอดรหัส AV1 ใหม่ พร้อมเครื่องมือแสดงผลความละเอียดสูง และการซัพพอร์ตจากกล้อง IPU และ MIPI ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
  • ช่องทางการเชื่อมต่อที่มากขึ้น Intel Wi-Fi 6E (Gig+) และ Bluetooth 5.2 ที่รวดเร็วเป็นพิเศษ
  • มีตัวเลือกหน่วยความจำที่ยืดหยุ่น (LPDDR5, DDR5/DDR4) และที่เก็บข้อมูล (UFS/SSD/eMMC)

โปรเซสเซอร์เหล่านี้ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ในแวดวงการศึกษาและผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการอุปกรณ์ที่เน้นความคุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้ โดยยังคงต้องการสมรรถนะและการใช้งานที่มีคุณภาพสูงในด้านต่าง ๆ เช่น การทำงานผ่านวิดีโอและประสิทธิภาพการใช้งาน ซึ่งในปี 2566 นี้ คาดว่า Acer, Dell, HP, Lenovo และ ASUS จะนำเสนอแล็ปท็อปรุ่นใหม่ ๆ กว่า 50 รุ่นออกสู่ตลาด โดยที่อินเทลยังคงความเป็นผู้นำด้านความร่วมมือเพื่อสร้างระบบนิเวศสำหรับ ChromeOS และ Windows ต่อไปในอนาคต

สำหรับแอปพลิเคชัน IoT แบบ Edge Native นั้น โปรเซสเซอร์ Intel Atom® x7000E Series, โปรเซสเซอร์ Intel N-ซีรีส์ และ Intel Core i3 N-ซีรีส์ ช่วยอนุมานข้อมูลการเรียนรู้เชิงลึก รวมถึงประมวลผลกราฟิก และประมวลผลสื่อได้ด้วยโปรเซสเซอร์ที่ประหยัดพลังงานได้ดีที่สุดจากอินเทล โดยโปรเซสเซอร์เหล่านี้ใช้สำหรับป้ายดิจิทัลร้านค้า ตู้คีออสก์ ระบบชำระเงิน อุปกรณ์สร้างภาพทางการแพทย์แบบพกพา อุปกรณ์เครื่องใช้แบบอัตโนมัติในสำนักงาน เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร รวมไปถึงอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย เช่น อุปกรณ์บันทึกวิดีโอบนเครือข่ายและกล่อง AI สำหรับการใช้งานขั้นพื้นฐาน

เสียงสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ

นายปานอส ปาเนย์ (Panos Panay) รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า “เรายังคงเดินหน้าผนึกความร่วมมือกับอินเทลในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อส่งมอบประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังบนระบบ Windows 11 รวมถึงทุกผลิตภัณฑ์ที่อินเทลได้เปิดตัวในวันนี้ เรายินดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้ช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากการเพิ่มประสิทธิภาพสำคัญในโซลูชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงการสนับสนุน Windows ให้รองรับการใช้งาน Intel Hybrid Guided Scheduler ได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงฟีเจอร์การใช้งานใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพและคุณค่า เช่น Intel Movidius VPU ที่ปลดล็อกการทำงานของ AI ไปสู่มิติใหม่ที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม ด้วยโหมด Windows Studio ซึ่งถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”

Related articles

ADATA และ XPG ร่วมมือกันขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “Unite for Victory รวมใจเพื่อชัยชนะ”

บริษัท ADATA เทคโนโลยี จำกัด ผู้นำแบรนด์ด้านหน่วยความจำ และการจัดเก็บข้อมูล พร้อมด้วยแบรนด์เกมมิ่ง XPG ยินดีประกาศการจัดสัมมนาคู่ค้า...

[HOW TO] เช็กก่อนใช้ไฟล์น่าสงสัยติดไวรัส ฟรี! ด้วยเว็บไซต์ Virustotal

เชื่อว่ามีหลายคนที่เคยประสบพบเจอกับการถูกแฮ็ก Facebook หรืออีเมล โดยมีต้นตอมาจากการโหลดโปรแกรมเถื่อน หรือมีไฟล์ติดไวรัสแถมมาในเครื่อง จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถเช็กไฟล์นั้นได้ และรู้ด้วยว่าไฟล์ติดไวรัสพวกนั้นทำอันตรายอะไรกับคอมเราได้บ้าง วันนี้แอดมีเว็บไซต์เช็กไฟล์ไวรัสมาแนะนำ นั่นคือ www.virustotal.com...

เผยผลทดสอบ AMD Fluid Motion Frames 2 (AFMF) เพิ่มเฟรมเรตในเกมได้สูงถึง 78%

ปัจจุบันฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มเฟรมเรตในเกม นอกเหนือจากเทคโนโลยีอัปสเกลภาพอย่าง DLSS/FSR แล้ว ที่มาแรงในตอนนี้คือ Frame Generation ซึ่งล่าสุดทาง AMD...

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากระแสสลับอัจฉริยะ MSI – EV Premium/EV Life วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ววันนี้!

MSI แบรนด์ชั้นนำระดับโลกในด้านการเล่นเกมระดับไฮเอนด์ กำลังมีส่วนร่วมในการพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืนอย่างจริงจัง ผลิตภัณฑ์ล่าสุด "EV Premium/EV Life" เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากระแสสลับอัจฉริยะสำหรับใช้ในบ้าน วางจำหน่ายแล้ววันนี้...

HOW TO: เข้าไบออสง่าย ๆ ไม่ต้องกดคีย์ลัด ด้วย Shortcut บน Windows !!

สำหรับใครที่กดคีย์ลัดเข้าไบออสไม่เคยจะทัน หรือโน้ตบุ๊กบางรุ่นเราก็ไม่รู้ปุ่มคีย์ลัดของมัน วันนี้แอดมีวิธีเข้าไบออสผ่านชอร์ตคัตบน Windows ง่าย ๆ ถ้าเผลอหลุดเข้ามาใน Windows ก็กดชอร์ตคัตไปได้เลยครับ เริ่มแรกบนหน้าเดสก์ท็อป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า