PR: ซิสโก้พลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต รองรับอนาคตสำหรับทุกคน

ซิสโก้พลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต รองรับอนาคตสำหรับทุกคน

 

ประเด็นข่าว

  • ซิสโก้มุ่งมั่นพัฒนา ‘อินเทอร์เน็ตสำหรับอนาคต’ ในยุค 5G ครอบคลุมทั้งในส่วนของซิลิคอน เราเตอร์ ออปติก ระบบเครือข่ายอัตโนมัติ และอื่นๆ
  • ซิสโก้ร่วมมือกับผู้ให้บริการและบริษัท Web Scale ชั้นนำ เพื่อพลิกโฉมระบบเครือข่าย นำเสนออินเทอร์เน็ตและบริการต่างๆ ที่เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
  • ซิสโก้ปรับโครงสร้างต้นทุนอินเทอร์เน็ต ด้วยโซลูชั่นใหม่ Routed Optical Networking ซึ่งประกอบด้วยออปติกที่เชื่อมต่อได้ง่ายจาก Acacia และกลุ่มผลิตภัณฑ์เราเตอร์ Mass Scale ของซิสโก้ ช่วยลดต้นทุน-ค่าใช้จ่ายโดยรวมได้ราว 46%

 

กรุงเทพฯ 27 เมษายน 2564 — ซิสโก้ประกาศกลยุทธ์ในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและบริษัทที่ให้บริการคลาวด์ทั่วโลกในการเชื่อมต่อ คุ้มครอง และสร้างระบบอัตโนมัติสำหรับเครือข่ายขององค์กร เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตที่แข็งแกร่ง เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคนในทุกๆ ที่ โดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดทางด้านภูมิศาสตร์

 

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น ประชาชน องค์กรธุรกิจ ภาครัฐ และชุมชนต่างๆ จำเป็นต้องพึ่งพาระบบเชื่อมต่อเพื่อรองรับการดำเนินกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง  จากเดิมที่เคยเป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ในตอนนี้อินเทอร์เน็ตได้ทำหน้าที่เป็นเสมือนห่วงชูชีพที่ช่วยเหลือผู้คนในสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยรองรับการเชื่อมต่อกับข้อมูลและการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน  การประชุมผ่านวิดีโอ (Video Conferencing) มีการใช้งานเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เพราะประชาชนจำเป็นต้องทำงานจากที่บ้านหรือเรียนหนังสือทางออนไลน์  นอกจากนี้ยังมีการใช้บริการทางการแพทย์ผ่านการเชื่อมต่อระยะไกล วิดีโอสตรีมมิ่ง การเล่นเกมออนไลน์ และอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้แทรฟฟิกอินเทอร์เน็ตพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลันราว 25-45 เปอร์เซ็นต์ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก[1]

 

ตอนนี้ระบบเครือข่ายยังสามารถรองรับการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ซิสโก้คาดการณ์ว่าปริมาณแทรฟฟิกจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างมากเมื่อเราก้าวเข้าสู่ยุค 5G ซึ่งคาดว่าจะมีอุปกรณ์เชื่อมต่อราว 29.3 พันล้านเครื่องในปี 2566[2]  สถาปัตยกรรมอินเทอร์เน็ตจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ  อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีประชากรกว่า 3 พันล้านคนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านเทคโนโลยี (Digital Divide) ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล ความรู้ และโอกาส ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องสร้างระบบเครือข่ายที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาท้าทายดังกล่าว

 

นายโจนาธาน เดวิดสัน รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของซิสโก้ กล่าวว่า “ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซิสโก้ได้ศึกษาวิจัยและลงทุนในการพัฒนานวัตกรรมในส่วนนี้ โดยมุ่งเน้นการช่วยให้ลูกค้านำเสนอบริการอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุด ควบคู่ไปกับการเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย และป้องกันความเสี่ยง  เราช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเกี่ยวกับระบบเครือข่ายได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในตอนนี้ เพื่อรองรับการเชื่อมต่อผู้คน สถานที่ และสิ่งต่างๆ เพิ่มมากขึ้นในอนาคต  และในอีก 10 ปีข้างหน้า เมื่อเรามองย้อนกลับมา เราก็จะรู้สึกยินดีที่เราได้ดำเนินการอย่างถูกต้องแล้วในการพัฒนาปรับปรุงระบบอินเทอร์เน็ตสำหรับอนาคต”

 

เปลี่ยนแปลงโครงสร้างอินเทอร์เน็ตเพื่อลดค่าใช้จ่าย

การสร้างระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการขยายอินเทอร์เน็ตไปสู่พื้นที่ต่างๆ เพิ่มเติมนับเป็นงานที่ท้าทายสำหรับผู้ให้บริการเครือข่าย  ด้วยเหตุนี้ ซิสโก้จึงได้ออกแบบ Converged SDN Transport ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่จะช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถผนวกรวมหลายๆ เครือข่ายเข้าด้วยกันบนโครงสร้างพื้นฐานร่วมที่ปลอดภัย ประหยัดค่าใช้จ่าย และมีขนาดที่ใหญ่มาก

 

เพื่อลดความซับซ้อนของโครงสร้างอินเทอร์เน็ต ซิสโก้จึงได้เปิดตัวโซลูชั่น Routed Optical Networking ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยุบเครือข่าย IP และเครือข่ายออปติก  ด้วยออปติกที่เชื่อมต่อได้ง่ายจาก Acacia รวมถึงความก้าวหน้าทางด้าน Segment Routing และ Ethernet VPN และเทคโนโลยีใหม่ Cisco Crosswork Cloud ผู้ให้บริการจะสามารถสร้างเครือข่ายที่มีขนาดเหมาะสม เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ จัดการดูแลได้อย่างง่ายดาย สามารถรองรับแทรฟฟิกจำนวนมากที่คาดว่าจะมาพร้อมกับเครือข่าย 5G

 

นวัตกรรมใหม่ขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตสำหรับอนาคต

ซิสโก้ร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและบริษัทที่ให้บริการคลาวด์อย่างเช่น Altibox, AWS, Facebook, Google Cloud, Microsoft Azure, Deutsche Telecom, Rakuten, SFR, Telenor, Telia Carrier, Telstra, Vodafone และอื่นๆ ในการออกแบบส่วนประกอบของ ‘อินเทอร์เน็ตสำหรับอนาคต’ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความคล่องตัว และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

  • Cisco Silicon One

ซิสโก้ได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมซิลิคอนสำหรับระบบเครือข่าย Silicon One™ เมื่อปี 2562 เพื่อนำเสนอสถาปัตยกรรมซิลิคอนแบบครบวงจรที่ตั้งค่าได้ ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และมอบความเร็วและความจุที่เหนือกว่าสำหรับยุค 5G  ในช่วงเวลาเพียง 15 เดือน ซิสโก้ได้ขยายแพลตฟอร์ม Cisco Silicon One จากเดิมที่เป็นโซลูชั่นที่มุ่งเน้นระบบเราติ้ง ไปสู่โซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดระบบสวิตชิ่งแบบ Web Scale โดยนำเสนอชิปเครือข่าย (อุปกรณ์) 10 รุ่น ตั้งแต่ 3.2 Tbps ไปจนถึง 25.6 Tbps และนับเป็นซิลิคอนสำหรับระบบเราติ้งและสวิตชิ่งแบบตั้งโปรแกรมได้ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในตลาด

 

  • การจัดการลูกค้า

ซิสโก้ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Cisco Cloud Native Broadband Network Gateway สำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคม (เครือข่ายพื้นฐาน) โดยอยู่ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์บรอดแบนด์เราเตอร์แบบคลาวด์เนทีฟสำหรับเครือข่ายเคเบิลและมือถือ  นับเป็นการปูทางสู่การผนวกรวมเข้ากับโซลูชั่นการจัดการลูกค้า (Subscriber Management) อย่างครบวงจร ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพ ขณะที่ผู้ให้บริการจะสามารถนำเสนอบริการที่รองรับทุกการเข้าถึงอย่างแท้จริง ไม่ว่าลูกค้าจะใช้บริการดังกล่าวจากที่ใดก็ตาม

 

  • การพัฒนาเครือข่ายส่วนการเข้าถึง, การรวม, Edge และ Core Networks เพื่อประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
    • ผลิตภัณฑ์เราเตอร์รุ่นล่าสุดในตระกูล 8000 ของซิสโก้ประกอบด้วยชิป Cisco Silicon One Q200 series ซึ่งมอบความจุสูงสุด 4 Tbps รองรับสวิตช์ 100G Web Scale จำนวน 32 และ 64 เครื่อง
    • เปิดตัวไลน์การ์ดและแชสซีรุ่นใหม่ที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพสำหรับ Cisco Aggregated Service Router (ASR) 9000 series และเราเตอร์ Network Convergence System (NCS) 500 และ 5500 series ช่วยเพิ่มกำลังความจุ ควบคู่ไปกับการประหยัดเงินทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
    • ฟีเจอร์ใหม่ Crosswork Network Controller (CNC) ช่วยให้ลูกค้าควบคุมและใช้งานโซลูชั่น Cisco Routed Optical Networking ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

  • Cisco Crosswork Cloud

Crosswork Cloud นำเสนอแอพพลิเคชั่นใหม่ที่มีชื่อว่า Traffic Analysis ซึ่งรองรับการตรวจสอบอย่างครอบคลุมสำหรับจุดเชื่อมต่อ Peering บนเครือข่าย และ Traffic Analysis จะใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกดังกล่าวเพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับการปรับปรุงแทรฟฟิกที่ส่วนขอบ (Edge) ของเครือข่าย และป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า

 

  • Cisco Business Critical Services

บริการ Cisco Business Critical Services ช่วยให้ลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนไปใช้โซลูชั่น Routed Optical Networking และ Cloud Native Broadband ของซิสโก้ สามารถดำเนินการปรับเปลี่ยนได้อย่างราบรื่น  บริการ Business Critical Services ครอบคลุมการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการออกแบบสถาปัตยกรรมเครือข่าย และการวางแผนติดตั้ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการโยกย้ายระบบและลดความเสี่ยง  ตัวเลือกใหม่ๆ ภายในบริการ Specialized Expertise Scrum Services และ Expert-as-a-Service ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการเลือกชุดทักษะที่จะช่วยขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนระบบเครือข่าย

 

นายแมทเทียส ฟริดสตรอม หัวหน้าฝ่ายเผยแพร่นวัตกรรมองค์กรของ Telia Carrier กล่าวว่า “ในอดีต การสร้างและควบคุมจัดการสถาปัตยกรรมที่ประกอบด้วยหลายเลเยอร์นับเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยนวัตกรรมสำคัญที่ครอบคลุมทั้งในส่วนของซิลิคอน ระบบเราติ้ง และออปติกมาตรฐาน 400G เลเยอร์ต่างๆ ที่ซับซ้อนจะถูกรวมเข้าไว้บนสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย มีประสิทธิภาพ ปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น และประหยัดค่าใช้จ่าย  Telia Carrier เดินหน้าอย่างจริงจังเพื่อทำการปรับเปลี่ยนที่ว่านี้ โดยใช้ประโยชน์จากส่วนประกอบต่างๆ เช่น เราเตอร์ Cisco 8000 และ NCS 5700 ซึ่งช่วยให้เราจัดการดูแลระบบเครือข่ายได้ง่ายขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน  เราคาดว่าผู้ให้บริการด้านการสื่อสารจะดำเนินการปรับเปลี่ยนเครือข่าย Metro และ Long-haul กันอย่างจริงจังในช่วงปีนี้”

 

นายเพอร์-ออยวินด์ โอดิการ์ด หัวหน้าสถาปนิกโครงสร้างพื้นฐานของ Atibox กล่าวว่า “ปัจจุบัน แทรฟฟิกบนเครือข่ายมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยเหตุนี้ โซลูชั่น Broadband Network Gateway (BNG) แบบคลาวด์เนทีฟของซิสโก้จึงนับเป็นตัวพลิกเกมที่แท้จริง  ด้วยการติดตั้ง BNG ไว้ใกล้กับผู้ใช้มากขึ้น เราจะสามารถเพิ่มขนาดของเครือข่ายได้อย่างเท่าทวีคูณ โดยไม่ก่อให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นในการควบคุมจัดการ  นอกจากนี้ ยังรองรับตำแหน่งที่ตั้งของ CDN ในลักษณะที่กระจัดกระจายมากขึ้น จึงช่วยให้เราสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้แก่ผู้ใช้ และลดความต้องการแทรฟฟิกบนเครือข่ายส่วน Core Network และดังนั้นจึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น  และท้ายที่สุดแล้ว การเปลี่ยนย้ายไปสู่รูปแบบคลาวด์เนทีฟ โดยมีการแยกส่วน User Plane และ Control Plane ออกจากกัน จะช่วยให้สามารถนำเสนอบริการที่รองรับการเข้าถึงทุกรูปแบบ โดยใช้โซลูชั่นการจัดการ Subscriber ที่รวมเครือข่ายพื้นฐานและ 5G เข้าด้วยกัน”

 

ข้อมูลเพิ่มเติม:

[1] ข้อมูลที่ดึงมาจากจุดแทรฟฟิก Peering ทั่วโลก

[2] รายงานอินเทอร์เน็ตประจำปี 2563 ของซิสโก้

Related articles

“อุปกรณ์ IoT” “ภัยเงียบที่เสี่ยงคุกคามบ้านคุณ?

ในยุคที่เทคโนโลยี IoT เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ อุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ เช่น หลอดไฟอัจฉริยะ ลำโพงอัจฉริยะ กล้องวงจรปิด หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน...

MSI ก้าวสู่ยุคใหม่ Next-Level AI PC พร้อมเปิดตัวโน้ตบุ๊กขุมพลัง AMD Ryzen™ AI 300 Series

11 พฤศจิกายน 2567 MSI ประเทศไทย แบรนด์พรีเมียมโน้ตบุ๊กชั้นนำ ประกาศวางจำหน่ายโน้ตบุ๊ก AI ระดับสูงรุ่นใหม่ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล...

[HOW TO] ใช้กล้องมือถือแทนเว็บแคม ภาพโคตรชัดแถมใช้ฟรี !! ด้วย Camo Studio

อยากได้เว็บแคมกล้องชัด ๆ แบบมือถือที่ใช้ ต้องลองแอปฯ นี้เลยครับ Camo Studio เปลี่ยนกล้องมือถือให้กลายเป็นเว็บแคม อัดคลิปทำคอนเทนต์บนคอมได้ง่าย...

STEELSERIES ยกทัพสินค้าใหม่เอาใจสายเกมเมอร์

เปิดตัว ARCTIS GAMEBUDS™ WIRELESS GAMING EARBUDS หูฟังไร้สายที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ในการเล่มเกม ดูหนัง ฟังเพลง...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า