หลังจากที่มีกระแสโด่งดังในโซศลเชียลมีเดีย Blogger ต่างๆพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นของจำเป็นที่ต้องมี โดยเฉพาะคนที่ทำ VLOG หรือคนที่ชอบถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ จุดเด่นของ DJI OSMO Pocket คือตัวเครื่องที่มีขนาดเล็ก เล็กมากๆ พกพาออกไปใช้งานข้างนอกสบาย มีระบบกันสั่นที่ดี กันสั่นแบบ 3 แกน และการใช้งานที่แสนง่ายนั้นเอง เดี๋ยวเราไปดูการใช้งานจริงพร้อมๆกันครับ
แกะกล่องเช็คของ
ตัวกล่องมีขนาดเล็กและอัดอุปกรณ์ไว้ภายในทั้งหมด อุปกรณ์ภายในกล่องทั้งหมดจะมีดังนี้
- ตัวเครื่อง DJI OSMO Pocket
- Adapter ใช้สำหรับพ่วงต่อ iPhone และ Android
- ซองเก็บตัวกล้อง
- สายคล้องข้อมือ
- คู่มือการใช้งาน
การออกแบบและพอร์ตการเชื่อมต่อ
DJI OSMO POCKET มีขนาดตัวเครื่องค่อนข้างเล็กมากๆ น้ำหนักเบาเพียง 116 กรัม
สำหรับช่องต่อ Adapter ในกล่องจะแถมมามีสองแบบนะครับคือ Lightning และ USB-Type C รองรับ iPhone และ Android สำหรับการเชื่อมต่อก็แค่เลื่อน adapter เข้าไปช่องใส่เดี๋ยวตัวเล็อคจะล็อคของมันเอง ค่อนข้างที่จะแน่นหนาโดยสมควรไม่หลุดง่ายแน่นอน
หน้าจอรองรับการทัชสกรีน สามารถปรับตั้งค่าได้โดยตรงผ่านหน้าจอหรือตั้งค่าผ่านที่ตัวสมาร์ทโฟนอีกที
ปุ่ม ปิด-เปิด ตัวเครื่องและปุ่มสั่งบันทึก พร้อมไฟแสดงสถานะ
สำหรับการชาร์จไฟจะเป็นพอร์ต USB-Type C ที่อยู่ท้ายเครื่องนะครับ
ตัวเครื่องรองรับ micro SD Card ได้สูงสุด 256 GB ช่องสำหรับใส่การ์ดจะอยู่ด้านข้างตัวด้ามกล้อง
ด้ามจับหรือตัวเครื่อง วัสดุจะมีความนุ่นมือพอสมควร จับกระชับมือดีไม่รู้สึกแข็งกระด้างเกินไป
คุณสมบัติพิเศษ
- DJI OSMO Pocket ใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/2.3 นิ้ว f/2.0 มุมภาพกว้าง 80 องศา
- สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K 60 fps
- ถ่ายภาพนิ่งได้ที่ 12 ล้านพิกเซล
- DJI OSMO Pocket นั้นมาพร้อม Gimbal แบบ 3 แกน
- แบตเตอรี่ 875 mAh ใช้งานต่อเนื่องได้ 140 นาที สำหรับบันทึกวีดีโอ FHD ใช้เวลาชาร์จ 70 นาที
เริ่มต้นใช้งาน
อย่างที่บอกแต่แรกๆว่า DJI OSMO Pocket เน้นความสะดวกสบายในการใช้งาน สามารถเปิดเครื่องขึ้นมาภายในไม่กี่วินาทีก็พร้อมถ่ายภาพหรือบันทึกวีดีโอที่ตัวเครื่องได้เลย และหน้าจอทำหน้าที่เป็นช่องมองภาพและยังสามารถรองรับทัชสกรีนเพื่อปรับตั้งค่าได้โดยตรงผ่านตัวเครื่องของมันเอง
โหมดการถ่ายภาพจะมีดังนี้ Photo / video / slow-motion / timelapse / pano
สำหรับการเชื่อมต่อผ่านมือถือ ก่อนอื่นต้องเข้าไปโหลด app ของ Dji ดาวน์โหลด DJI Mimo ผ่านทางบาร์โค๊ตข้างกล่องจะดีสุดครับ เพราะ App ของทาง Dji เยอะมาก
ถ้าเชื่อมต่อผ่านมือถือจะสามารถปรับตั้งค่าได้ง่ายขึ้น และสามารถอัพเฟริมแวย์ผ่าน wifi ได้เลยครับ
หน้าตาเมนูการปรับตั้งค่า
ภาพถ่ายของ DJI OSMO Pocket
โหมดวีดีโอ
สรุป
การเลือกซื้ออุปกรณ์มาใช้งาน ไม่ใช่ซื้อมาเป็นภาระให้ตัวเอง จะใช้งานแต่ละทีก็ลำบากแถมจะนำออกไปใช้งานข้างนอกก็หนักกระเป๋าใหญ่เทอะทะ ปัญหานั้นจะหมดไปครับเมื่อมี DJI OSMO Pocket ไว้ติดตัว ขนาดเครื่องเล็กและเบาพกพาง่ายใช้งานสะดวก แถมยังใช้งานได้ยาวนานต่อการชาร์จแบตหนึ่งรอบ กล้องของเขาถ่ายออกมาได้สวยงาม และระบบกันสั่นเทพจริง กับค่าตัวเพียง 13,500 บาท ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง Gadget ที่ควรต้องมีติดกระเป๋า
ต้องขอขอบคุณร้าน Inwgadget ที่เอื้อเฟื้อเครื่องในการทดสอบครั้งนี้ครับ
You must be logged in to post a comment.