ถ้าไม่มี AMD Ryzen ค่าย Intel ก็อาจทำซีพียู 4 Cores/8 Threads ตลอดไป นี่อาจจะเป็นคำพูดติดตลกที่เราได้เห็นกันบ่อย ๆ ในวงการ IT จากที่ก่อนหน้านี้ Intel ครองตลาดซีพียูมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งการมาถึงของ AMD Ryzen ได้ทำให้บัลลังก์สั่นคลอนจน Intel ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเลยทีเดียว
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ว่า คือ การเพิ่มแกนประมวลผลให้กับซีพียู Intel Core Series ทั้งที่ก่อนหน้านี้ Intel ใช้จำนวนแกนประมวลผลเหมือนกัน (เกือบ) ทั้งหมด สำหรับซีพียูตัวท็อปตระกูล Core i7 ระดับผู้ใช้งานทั่วไป โดยมีแกนประมวลผล 4 Cores/8 Threads มานานถึง 9 ปี !!
เรื่องราวจะเป็นอย่างไร พบกับบทความ Extreme History ตอน “Intel 4 Cores/8 Threads ในตำนาน ก่อนการมาถึงของ Ryzen”
4 Cores/8 Threads คือ ผู้นำด้านการเล่นเกม
จริง ๆ ถ้าย้อนไปในสมัย Intel Core 2 Series ในซีพียูกลุ่ม Core 2 Quad จะใช้แกนประมวลผล 4-Core แต่ยังไม่รองรับเทคโนโลยี Hyperthreading ทำให้มีแกนประมวลผลทั้งหมด 4 Cores/4 Threads ในช่วงเวลานั้นถือว่าล้ำยุคมาก ๆ แล้วนะครับ
แต่เมื่อ Intel เปิดตัว Intel Core I Series และประเดิมด้วย Intel Core i7-920 เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2551 เป็นชิปสถาปัตยกรรม Nehalem ขนาดโหนด 45nm และมีชื่อโค้ดเนม Bloomfield มาพร้อมแกนประมวลผล 4 Cores/8 Threads
ในปีเดียวกัน Intel เปิดตัวซีพียู Core i7 มาอีก 2 รุ่นนะครับ คือ Core i7-965 Extreme และ Core i7-940
และถึงแม้ Core i7-920 จะเป็นน้องเล็กสุดในแถว แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่เปิดตัวมาก่อนเพียง 1 เดือน อย่าง AMD Phenom X4 9950 (เปิดตัวตุลาคม 2551) ทาง Core i7-920 ก็ยังทำประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้ดีกว่าครับ และนี่คือก้าวสำคัญของ Intel ในการเปิดศักราชสู่ซีรีส์ Core i และทำออกมาได้ดีจน Anandtech ถึงกับเรียกมันว่า “The Dark Knight”
เมื่อคู่แข่งสู้ไม่ได้ ทำให้เราไม่ต้องผลักดันตัวเอง
แม้ AMD จะออกซีพียูรุ่นใหม่ก็แล้ว หรือเปลี่ยนสถาปัตยกรรมเป็น Bulldozer ก็แล้ว (ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นหลุมดำของ AMD เลยก็ว่าได้ครับ ใครอยากรู้อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ลิงก์นี้) แต่ก็ไม่สามารถสู้จ้าวตลาดอย่าง Intel ได้
ประกอบกับในช่วงเวลานั้น เกมส่วนใหญ่ยังไม่ถูกปรับแต่งให้รองรับแกนประมวลเยอะ ๆ ได้ดีเท่าที่ควร ส่วนมากจะอยู่ที่ 2-Core เก่ง ๆ ก็ได้สัก 4-Core ทำให้ Intel รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มแกนประมวลผลลงไป แต่เน้นที่ความเร็ว Clock speed และ IPC ดีกว่า
หลังจากนั้น Intel ก็ทยอยเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ ๆ ออกมา เรียงตามลำดับ ดังนี้
- Intel Sandy Bridge 45nm ตัวท็อป Core i7-2600K (มกราคม 2554) และ Core i7-2700K (ตุลาคม 2554)
- Intel Ivy Bridge 22nm ตัวท็อป Core i7-3770K (เมษายน 2555)
- Intel Haswell 22nm ตัวท็อป Core i7-4770K (มิถุนายน 2556) และ Core i7-4790K (มิถุนายน 2557)
- Intel Broadwell 14nm ตัวท็อป Core i7- 5775C (มิถุนายน 2558) ซีรีส์นี้มาไวไปไว บางคนไม่นับรุ่นเลย
- Intel Skylake 14nm ตัวท็อป Core i7-6700K (สิงหาคม 2558)
- Intel Kaby lake 14nm ตัวท็อป Core i7-7700K (มกราคม 2560)
และแน่นอนว่าทุกรุ่น มีแกนประมวลผล 4 Cores/8 Threads ครับ
Ryzen เงามืดใกล้เข้ามา
ช่วงเวลาของ Intel 4 Cores/8 Threads ดำเนินมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปี 2560 จนกระทั่ง AMD ยกเครื่องสถาปัตยกรรมซีพียูใหม่ทั้งหมด จากรถไถแก่ ๆ มาเป็นสถาปัตยกรรม Zen ประเดิมด้วย Ryzen 7 1700 และ 1800X ที่มาพร้อมแกนประมวลผลสูงถึง 8 Cores/16 Threads เทียบแล้วมีแกนประมวลผลเท่ากับ Intel Core i7-7820X ที่เป็นซีพียู Workstation เลยทีเดียว
การมาของ Ryzen ทำเอา Intel อึ้งกันไปพอสมควร ด้วยประสิทธิภาพที่ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะด้าน Multithread ซึ่งในเวลานั้น มีหลายเกมที่นักพัฒนาเริ่มปรับให้เกมรองรับแกนประมวลผลซีพียูได้เยอะขึ้น จึงกลายเป็นข้อดีของ Ryzen โดยปริยาย
ถึงแม้ Intel จะได้เปรียบในด้านความแรง Single-thread หรือความแรงต่อ Core แต่แรงแค่แกนเดียวมันหากินอะไรได้น้อยลง สุดท้าย Intel จึงต้องเพิ่มแกนประมวลผลในซีพียูรุ่นถัดไป คือ Intel Core i7-8700K ที่มาพร้อมแกนประมวลผล 6 Cores/12 Threads
และนี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการสิ้นสุดยุคทองของซีพียู 4 Cores/8 Threads ลงในที่สุด หากลองติดตามดูจากผลสำรวจของ Steam ในปี 2020 มีซีพียู 4-Core ถูกใช้งานมากถึง 50% แต่ล่าสุดเหลืออยู่เพียง 19% ในขณะที่ซีพียู 6-Core ขึ้นมาเป็นที่นิยมแทนครับ
เกร็ดน่ารู้: Core i7 6 Cores/12 Threads หลงยุค “Gulftown”
ในช่วงเวลาปี 2553-2554 ทาง Intel ได้เปิดตัวซีพียู Core i7 ที่ใช้ชื่อโค้ดเนม Gulftown ชิป 32nm ในตอนนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 4 รุ่น คือ Core i7-970, Core i7-980, Core i7-980X และ Core i7-990X ซึ่งทุกรุ่นจะมีแกนประมวลผล 6 Cores/12 Threads แต่จะต่างกันที่ Clock speed ครับ
โอเคถ้ามองแค่นี้หลายคนน่าจะพอนึกออกว่า รุ่นที่ลงท้ายด้วย X น่าจะเป็นซีพียูกลุ่ม Enthusiastic หรือกลุ่มผู้ใช้ด้าน Workstation แต่ทำไมถึงมีรุ่น Core i7-970 และ Core i7-980 เหมือนเป็นรุ่นธรรมดาทั่วไปโผล่มาด้วยล่ะ ??
เท่าที่แอดได้ไปสืบค้นข้อมูลมา จริง ๆ เจ้า Core i7-970 และ Core i7-980 ถูกจัดให้เป็นกลุ่มซีพียูสำหรับผู้ใช้ทั่วไปนี่แหละ แต่เหมาะกับค้นที่เน้นคอมประสิทธิภาพสูงหน่อย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า Intel เคนทำซีพียูรุ่นธรรมดาที่มีแกนมากกว่า 4-Core ออกมาด้วยนะ แต่ทำไมไม่ทำต่อก็ไม่รู้ แล้วย้ายพวกแกนเยอะ ๆ ไปไว้ในกลุ่ม Extreme Edition ที่เป็นซีพียู Workstation แทน
You must be logged in to post a comment.