ปัจจุบันราคาน้ำมันในประเทศและต่างประเทศต่างปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับน้ำมันดิบที่เริ่มร่อยหรอไปเรื่อย ๆ จนบ่อยครั้งที่โลกของเรามักประสบกับวิกฤติน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดขาดแคลน ส่งผลกระทบต่อการขนส่งทั้งภาคครัวเรือน, ภาครัฐ และภาคเอกชน
นอกจากนี้ น้ำมันเชื้อเพลิงยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในหลายด้าน โดยเฉพาะมลภาวะทางอากาศจากควันไอเสียของรถยนต์ เป็นเหตุให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ในสิ่งแวดล้อมและเป็นตัวเร่งให้ภาวะโลกร้อนรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแนวคิดในการแก้ปัญหานั้นง่ายนิดเดียว คือ การลด ละ เลิกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นพลังงานหลักในการขับเคลื่อนรถยนต์
แน่นอนว่านักวิทยาศาสตร์คงไม่ได้บอกให้คุณลดละเลิกการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่มีสิ่งใดทดแทน เพราะปัจจุบันได้มีการพัฒนา รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electronic car ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม Electronic vehicle ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า) ที่สามารถขับเคลื่อนได้โดยใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน ๆ นับเป็นพลังงานสะอาดไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม แล้วจะดีแค่ไหนหากเราสามารถสร้างสังคมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ทั้งหมด? วันนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปหาคำตอบกันครับ
รถยนต์ EV คืออะไร?
รถยนต์ EV หรือ Electric Vehicle หมายถึงยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยรถยนต์ EV จะเก็บพลังงานเอาไว้ในแบตเตอรี่ แล้วนำมาใช้ขับเคลื่อนรถยนต์ผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าได้ทันทีไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์เหมือนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และเนื่องจากเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ผู้ขับขี่จึงสามารถชาร์จไฟเข้าใหม่ได้เรื่อย ๆ เช่นเดียวกับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง
จุดเด่นของรถยนต์ EV
เมื่อรถยนต์ EV ได้รับความนิยมมากขึ้น ชุมชนต่าง ๆ จะเริ่มก่อกำเนิดสิ่งที่เรียกว่า Ecosystem ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่จะช่วยให้การใช้รถยนต์ EV มีความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ในการสร้างระบบนิเวศที่เพียบพร้อมได้นั้นทุกคนคงจะต้องมองเห็นข้อดีของรถยนต์ EV เสียก่อน เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงเหตุผลในการพัฒนา Ecosystem นี้ขึ้น ซึ่งจุดเด่นหลัก ๆ ของการเลือกใช้รถยนต์ EV มีดังนี้
ด้านความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน
รถยนต์ EV มีส่วนประกอบหลักในการขับเคลื่อน เพียง 3 ส่วนคือ แบตเตอรี่ (E-Battery) ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (E- Control) และระบบส่งกำลังขับเคลื่อนหรือมอเตอร์ไฟฟ้า (E-Drive) ที่ด้วยกลไกที่ไม่ซับซ้อนจึงง่ายต่อการดูแลรักษา ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ทั้งค่าซ่อมบำรุงรักษารวมไปถึงค่าพลังงานไฟฟ้าที่มีราคาถูกกว่ารถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิง
ด้านสิ่งแวดล้อม
สำหรับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จะไม่ทำให้เกิดเสียงระหว่างการเผาไหม้ในการขับเคลื่อนเหมือนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง จึงไม่มีเสียงรบกวนในระหว่างการขับเคลื่อน ไม่มีไอเสียจากการเผาผลาญพลังงาน เพราะฉะนั้นรถยนต์ EV จึงขับขี่ง่ายไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและเสียง ที่สำคัญช่วยลดภาวะโลกร้อนและฝุ่น PM 2.5 ได้ด้วย
ด้านนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงโลก
ในมุมมองของ Extreme IT เล็งเห็นว่ารถยนต์ EV คือ อนาคตของยานยนต์ที่กำลังจะเข้ามาแทนที่รถยนต์น้ำมันเชื้อเพลง นอกเหนือจากประโยชน์ด้านความสะดวกสบายและสิ่งแวดล้อมแล้ว แต่คุณรู้ไหมว่าเมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งนั้นมากขึ้น
เช่นเดียวกันกับรถยนต์ EV เมื่อมีคนให้ความสนใจและเปลี่ยนมาใช้กันมากขึ้น ก็จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการผลิตไฟฟ้าให้ได้มากขึ้น ไฟฟ้ามีราคาถูกมากขึ้น เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าเมื่อคุณหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าไม่เพียงแต่จะช่วยลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังทำให้ไฟฟ้าตามบ้านมีราคาถูกลงและเราทุกคนจะได้ใช้พลังงานสะอาดกันมากขึ้นด้วย
การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าสู่เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในอนาคต โดย MG ผู้นำด้านยนตรกรรมอัจฉริยะ
ทิศทางการพัฒนาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ EV
MG มีแผนที่จะขยาย EV Portfolio ด้วยการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลาย เพื่อให้สอดรับกับรูปแบบการใช้งานความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่มลูกค้า โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทุกรุ่นที่จะเปิดตัว จะมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการใช้รถ
ซึ่งในปีที่ผ่านมา MG ได้แนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจำนวน 3 รุ่น 3 รูปแบบสู่ตลาดเมืองไทย ได้แก่ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในกลุ่ม SUV อย่าง MG ZS EV รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารูปแบบสเตชั่น แวกอน MG EP รวมไปถึง MG Cyberster ที่มีการเปิดจองสิทธิ์การเป็นเจ้าของเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้ MG ได้เปิดตัว New MG ZS EV โฉมใหม่ โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 43 นี้
นอกจากนี้ MG ยังได้เดินหน้าเร่งสร้างความรู้พื้นฐานและความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยมีแผนที่จะเข้าไปสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และเตรียมความพร้อม ให้คนรุ่นใหม่เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันสังคมยานยนต์ไฟฟ้าในไทยให้เกิดขึ้นได้ไวมากยิ่งขึ้น รวมถึงเพื่อสร้างและเพิ่มจำนวนบุคลากรที่มีความชำนาญด้าน EV เข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคต
เพิ่มสถานีชาร์จแบตเตอรี่ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
ปัญหาเรื่องระยะทางต่อการชาร์จหนึ่งครั้งจะไม่ได้เป็นประเด็นที่ต้องถกเถียงกันอีกต่อไป หากมีสถานีชาร์จที่ครอบคลุมก็จะช่วยให้ผู้ใช้รถยนต์ EV สามารถเดินทางได้ไกลเท่าไรก็ได้ตามใจต้องการ ไม่แตกต่างจากการใช้งานรถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป
ซึ่งในปัจจุบัน MG มีสถานีชาร์จชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้บริการแล้วกว่า 120 แห่งทั่วประเทศไทย และยังคงเดินหน้าเพิ่มสถานีให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคุณสามารถเช็กสถานีชาร์จแบตเตอรี่ใกล้บ้านคุณได้แล้วจาก ลิ้งก์นี้
สร้าง EV Ecosystem เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงยานยนต์แห่งอนาคต
นอกจากการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแล้ว MG ยังให้ความสำคัญกับการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV Ecosystem ที่แข็งแกร่ง โดยจะดำเนินการใน 4 ด้านหลัก ได้แก่
- การพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลาย เพื่อให้สอดรับกับรูปแบบการใช้งาน ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่มลูกค้า
- การพัฒนาและการจัดการแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดย MG ได้ลงทุนไปกว่า 2,500 ล้านบาท ในการสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงยังอยู่ในระหว่างการศึกษาและวิจัยในเรื่องของวิธีการจัดการแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วอีกด้วย
- การสร้างและขยายเครือข่ายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเสริมความมั่นใจในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า รองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงยังเป็นการปลดล็อกความกังวลเรื่องระยะทางการใช้งานต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ด้วยจำนวนสถานีชาร์จนอกบ้านที่มีให้บริการตลอดเส้นทาง
- การเร่งสร้างความรู้พื้นฐานและความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างและเพิ่มจำนวนบุคลากรที่มีความชำนาญด้านอีวีเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคต
ผมเชื่อว่าหากมีการสนับสนุนจากทุกฝ่ายเพื่อสร้าง EV Ecosystem อันแข็งแกร่ง จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันอย่างถ้วนทั่ว ซึ่งมีประโยชน์ต่อการเดินหน้าพัฒนาพลังงานไฟฟ้าภายในประเทศ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
You must be logged in to post a comment.