[Extreme History] ย้อนรอย 3dfx การ์ดจอสุดยอดนวัตกรรม 3D จากสูงสุดสู่การล้มละลาย

ในสมัยก่อนชิปกราฟฟิกหรือการ์ดจอไม่ได้มีแค่ค่าย NVIDIA หรือ ATI (AMD ปัจจุบัน) แต่ยังมีอีกหลายเจ้าที่ทำการ์ดจอออกมาแข่งกัน และการ์ดจอที่ผมจะเล่าให้ฟังในวันนี้แบรนด์ 3dfx นั่นเองครับ

จุดเริ่มต้นอันสวยงาม

ในอดีตวงการเกมคอมพิวเตอร์มักออกแบบให้อยู่ในรูปแบบ 2D เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากความสามารถของการประมวลผล 3D ของชิปกราฟฟิกยังไม่แรงพอ แถมการเล่นเกม 3D โดยใช้ซีพียูก็ให้ภาพที่ไม่สวยงามและได้เฟรมเรตต่ำ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1994  แบรนด์ 3dfx ได้ปรากฏชื่อเป็นครั้งแรก พร้อมส่งการ์ดจอ Voodoo 1 ออกมาในวันที่ 5 สิงหาคม 1996

Voodoo 1

สำหรับสเปคของการ์ดจอ Voodoo 1 จะมีความเร็วอยู่ที่ 50MHz และแรม 4MB ซึ่งในตอนนั้นถือว่าแรงมาก ๆ เลยนะครับ เมื่อเทียบประสิทธิภาพในการเล่นเกม Quake บนความละเอียด 320×200 pixel การ์ดจอ Voodoo 1 สามารถทำเฟรมเรตได้สูงถึง 70 fps เมื่อเทียบกับการใช้ซีพียู Pentium 200 MMX ที่ทำเฟรมเรตได้ราว 40 fps เท่านั้น  นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้การ์ดจอเพื่อประมวลผล 3D สำหรับการเล่นเกมครับ

แต่เบื้องหลังที่ทำให้ Voodoo 1 ประสบความสำเร็จคือ GLide – API ของ 3dfx ถอดแบบมาจาก OpenGL (คล้ายกับ Mantle ของ Apple) ที่ทางผู้พัฒนาได้ปรับแต่งให้มันเข้ากันได้ดีกับการ์ดจอ Voodoo โดยเฉพาะ ดังนั้นหากผู้พัฒนาเกมค่ายไหนเลือก GLide  ไปใช้ เกมนั้นจะเข้ากันได้ดีกับการ์ดจอ Voodoo อย่างมากขนาดที่ว่าประสิทธิภาพทิ้งห่างจากการ์ดจอค่ายอื่น ๆ ไปเลยทีเดียว

GLide (ขวา) เปรียบเทียบกับการเรนเดอร์ด้วยซีพียู (ซ้าย)

 

เน้น 3D มากไปหรือเปล่า

ทว่า จุดอ่อนสำคัญของการ์ดจอ Voodoo ยุคแรก ๆ คือการรองรับเกม 2D นี่แหละ ด้วยความที่การ์ดมันเน้นเฉพาะการประมวลผล 3D เท่านั้น ! เพราะฉะนั้นหากผู้ใช้ต้องการเล่นเกม 2D อย่างราบลื่น จะต้องซื้อการ์ด 2D มาต่อแยกอีกสล็อตหนึ่งแล้วเชื่อมด้วยสายส่งสัญญาณ ทำให้การประมวลผลเกม 2D ไม่ได้มีประสิทธิภาพโดดเด่น เพราะมันเกิดความล่าช้าในการประมวลผลจากการส่งข้อมูลผ่านสายสัญญาณนั่นเองครับ

พอร์ตเชื่อมต่อของ Voodoo สำหรับต่อเข้ากับการ์ด 2D

ถึงกระนั้นทาง 3dfx ก็พยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยการออกการ์ดจอ Voodoo Rush ที่ประกอบด้วยชิป 3D และ 2D อยู่ในแผงวงจรเดียวกัน แต่ ! ประสิทธิภาพของมันดันแย่กว่า Voodoo 1 เสียอีก เนื่องจากว่าชิป 3D และ 2D ดันแชร์แบนด์วิดธ์กัน ส่งผลให้ความแรงลดลงราว 10-20% เจ้า Voodoo Rush จึงถูกแทนที่ด้วย Voodoo 2 อย่างรวดเร็ว

Voodoo Rush

 

กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง

การ์ดรุ่นถัดมา Voodoo 2 แม้ชิป 3D และ 2D ยังคงแยกกันเช่นเดิม แต่ถูกเพิ่มประสิทธิภาพให้ทำงานได้ดีกว่า Voodoo Rush แต่สิ่งที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการการ์ดจอและเกมอีกครั้ง คือชิปประมวลผลตัวที่ 3 – Multitexturing ช่วยให้การเล่นเกมที่รองรับ Multitexturing ดีขึ้นถึง 4 เท่า

Voodoo 2

สเปคของ Voodoo 2 ตัวชิป 3D มีความเร็วอยู่ที่ 90 MHz พร้อมแรมชนิด EDO 12MB จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือความสามารถในการเชื่อมต่อแบบ SLI โดยนำการ์ดจอ 2 ตัวมาใช้งานพร้อมกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้แรงขึ้น พร้อมรองรับการแสดงผลที่ความละเอียด 1024×768 ด้วย

แต่ด้วยราคาและประสิทธิภาพของ Voodoo 1 และ Voodoo 2 เน้นเฉพาะกลุ่มผู้ใช้งานระดับฮาร์ดคอร์ ทาง 3dfx จึงต้องการเพิ่มไลน์สินค้าสำหรับผู้ใช้ระดับเมนสตรีม ด้วยการเปิดตัวการ์ดจอ Voodoo Banshee ในปลายปี 1998 โดยเป็นการ์ดที่ปรับลดสเปคจาก Voodoo 2 ให้เหลือชิป Multitexturing เพียง 1 unit แต่ก็ถูกเพิ่มความแรงให้กับชิป 3D กลายเป็น 100 MHz

Voodoo Banshee

Voodoo Banshee ได้ชื่อว่ามีความคุ้มค่าในการใช้งานเพื่อกราฟฟิก 3D/2D โดยเฉพาะ 2D ที่เอาชนะคู่แข่งทุกรายทั้ง Matrox, NVIDIA และ ATi

 

เข้าสู่ภาวะถดถอย

แต่หลังจากนั้นดูเหมือนเทคโนโลยีเริ่มเข้าสู่ทางตัน ด้วยการเปิดตัวการ์ดจอ Voodoo 3 ในปี 1999 ซึ่งไม่ได้มีความน่าสนใจเหมือนตอน Voodoo 1 และ Voodoo 2 ที่เน้นเทคโนโลยีสดใหม่ในตลาด แต่ Voodoo 3 กลายเป็นการ์ดที่ปรับปรุงจาก Banshee โดยการเพิ่มชิป Multitexturing เข้าไปอีก 1 ตัว (คล้ายใน Voodoo 2) ถึงกระนั้นมันก็มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจอีกนิดหน่อย ได้แก่ ชิปกราฟฟิก 2D 128-bit, ไปป์ไลน์ 32-bit แบบ Dual, แรม 16MB, รองรับภาพที่ความละเอียดสูงสุด 2046×1536 และมีสล็อตทั้ง PCI และ AGP ให้เลือก

Voodoo 3

ดูเหมือนจะเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใช่ไหมครับ มันก็ใช่สำหรับการ์ดจอ 3dfx แต่ไม่ใช่ของใหม่ในตลาด เพราะคู่แข่งเองก็มีเทคโนโลยีเหล่านี้เหมือนกันครับ ถึงแม้มันจะแรงกว่าคู่แข่งจริง (เพียงนิดเดียว) แต่สิ่งที่สำคัญที่ Voodoo 3 ยังขาดอยู่และดันเป็นจุดสำคัญ คือการรองรับช่วงสี 32-bit นั่นเองครับ

ทั้งนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่า Voodoo 3 ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้ 3dfx ถึงจุดจบ แต่มีความเกี่ยวข้องไปถึงการปรับรูปแบบการวางจำหน่ายของบริษัทด้วย

Voodoo 3

เนื่องจากว่าในช่วงที่ Voodoo 3 วางจำหน่าย 3dfx เข้าซื้อบริษัท STB Technologies ซึ่งเป็นบริษัทผลิตการ์ดจอรายใหญ่ในขณะนั้น (คล้ายกับ ASUS, MSI ที่รับชิปจาก NVIDIA/AMD มาทำการ์ดจอขาย) การเข้าซื้อครั้งนี้ 3dfx เชื่อว่ามันช่วยเพิ่มกำไรให้กับตนเองได้ เป็นต้นว่าผลิตชิปเอง ทำการ์ดจอเอง วางขายเอง รวมถึงส่งการ์ดจอไปขายแบบ OEM แต่กลายเป็นการบีบให้การ์ดจอ 3dfx มีตลาดแคบลงไปอีก

กรณีที่ 2 คือการตัดสินใจของ Sega ในการเลือกใช้การ์ดจอ PowerVR จาก NEC เพื่อผลิตคอนโซลรุ่นใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง Sega เคยดีลกับ 3dfx ไว้ว่าจะขอใช้การ์ดจอ Voodoo แต่ไป ๆ มา ๆ ทาง Sega ยกเลิกสัญญาโดยไม่ให้เหตุผลใด ๆ ทำให้ 3dfx ไม่สามารถทำกำไรจากคอนโซลด้วย ถึงจะไม่ใช่ปัจจัยโดยตรงที่ส่งผลให้ 3dfx ล้มละลาย แต่มันก็มีผลกระทบในแง่ของเม็ดเงินที่สูญเสียไปพอสมควรครับ

ประเด็นสุดท้ายคือ Direct3D หาคุณจำได้ในช่วงแรกของการเปิดตัวการ์ดจอ Voodoo ทาง 3dfx ได้นำเสนอ Glide API ให้นักพัฒฯเกมได้เลือกใช้ ซึ่ง API ดังกล่าวมีส่วนอย่างมากในการเพิ่มประสิทธิภาพของการ์ดจอ Voodoo แต่ในเวลาต่อมาความนิยมใน Glide เริ่มลดน้อยลง ประกอบกับการมาถึงของ Ditec3D (DirectX) ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้พัฒนาเกมหันมาสร้างเกมจาก Direct3D จึงส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของ Voodoo โดยตรง ถึงจะเป็นการ์ดจอที่ออกมาทีหลังคู่แข่งอย่าง NVIDIA และ ATi แต่พอเจอเข้ากับ DirectX แล้วกลายเป็นว่าประสิทธิภาพต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ

 

Voodoo 4 และ Voodoo 5 การ์ดจอสุดท้ายก่อนการล้มละลาย

การ์ดจอ 2 รุ่นสุดท้ายนี้จะงง ๆ นิดหนึ่ง เพราะ Voodoo 5 ดันเปิดตัวออกมาก่อน โดยมีสาเหตุจากการพัฒนาที่ล่าช้าทำให้ NVIDIA ส่งการ์ดจอ GeForce 256 ที่มีประสิทธิภาพสูงลงมาในตลาด ทำให้ 3dfx ต้องเข็นการ์ดตัวใหม่ออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่า ชิปเดิมที่มีมันยังไม่แรงพอที่จะสู้คู่แข่งได้ จะแก้ปัญหายังไงน่ะเหรอ ? ก็ยัดมันลงสองตัวไปเลย !!

Voodoo 5 5500

ใช่แล้วครับ การ์ดจอ Voodoo 5 5500 มาพร้อมกับชิปกราฟฟิก VSA-100 ทั้งหมด 2 ตัวบนแผงวงจรเดียวกัน (ดังนั้น เราจะเห็นว่าบนการ์ดจอจะมี 2 พัดลมวางอยู่ในตำแหน่งของชิปกราฟฟิก) โดยชิปแต่ละตัวมีความเร็ว 166 MHz และแรม 32MB (รวมเป็น 64MB) แน่นอนว่ามันแรงขึ้นครับ สามารถเอาชนะ GeForce 256 ได้ แต่ไม่นาน NVIDIA ก็ปล่อย GeForce 2 GTS และ ATi ปล่อย Radeon DDR ออกมา ซึ่ง Voodoo 5 5500 ไม่สามารถสู้ได้เหมือนเดิมครับ

นอกจากนี้ 3dfx ยังได้ปล่อยการ์ดจอรุ่นเล็กอย่าง Voodoo 4 4500 ที่มีชิป VSA-100 เพียงตัวเดียว จัดว่าเป็นการ์ดจอราคาถูกแข่งกับ GeForce 2 MX

ขณะนี้ 3dfx กำลังประสบปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าที่มียอดขายลดลง ประกอบกับโดย NVIDIA ฟ้องร้องเรื่องสิทธิบัตรแล้ว 3dfx แพ้คดีจึงต้องจ่ายเงินค่าปรับ แถมตอนแรกว่าจะได้ส่งการ์ดจอให้กับคอนโซลชื่อดังอย่าง Xbox ได้ใช้งานแล้วแท้ ๆ แต่ Microsoft กลับยกเลิกแล้วใช้การ์ดจอจาก NVIDIA แทน

ในระหว่างนั้น 3dfx ได้เตรียมออกการ์ดจอ Voodoo 5 6000 ที่ใช้ชิป VSA-100 ถึง 4 ตัว พร้อมกับโฆษณาถึงประสิทธิภาพไว้ดิบดี แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ถูกนำออกมาวางจำหน่าย เพราะบริษัทหันไปพัฒนาการ์ดจอ Rampage mว่ากันว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมอีก ส่งผลให้แฟน ๆ ที่รอคอย Voodoo 5 6000 รู้สึกผิดหวังและยิ่งผลักดันให้พวกเขาหันไปใช้การ์ดจอของคู่แข่งมากขึ้นครับ

Voodoo 5 6000

เมื่อไม่สามารถไปต่อได้จึงต้องหยุดเพียงเท่านี้ NVIDIA ได้เข้าซื้อ 3dfx ในเวลาต่อมา และได้ครอบครองเทคโนโลยี SLI ของบริษัทตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นับว่ากลายเป็นแบรนด์ผู้ผลิตชิปกราฟฟิกแห่งประวัติศาสตร์ ที่เคยมอบเทคโนโลยีอันทันสมัยให้กับโลกของเกม 3D ในสมัยนั้นเลยนะครับ และก่อนจากกันไปนะครับ ภาพสุดท้ายนี้คือการ์ดจอ Rampage การ์ดจอที่ 3dfx หวังจะใช้ในการกอบกู้สถานการณ์อันย่ำแย่ของบริษัท แต่ไม่ทันได้เปิดตัวก็ต้องขอวางมือจากตลาดไปในที่สุด

Voodoo Rampage

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Thinkcomputer

https://megakemp.com/2009/01/27/the-rise-and-fall-of-3dfx/

https://tedium.co/2018/02/14/3dfx-history-failure/

Related articles

“อุปกรณ์ IoT” “ภัยเงียบที่เสี่ยงคุกคามบ้านคุณ?

ในยุคที่เทคโนโลยี IoT เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ อุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ เช่น หลอดไฟอัจฉริยะ ลำโพงอัจฉริยะ กล้องวงจรปิด หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน...

MSI ก้าวสู่ยุคใหม่ Next-Level AI PC พร้อมเปิดตัวโน้ตบุ๊กขุมพลัง AMD Ryzen™ AI 300 Series

11 พฤศจิกายน 2567 MSI ประเทศไทย แบรนด์พรีเมียมโน้ตบุ๊กชั้นนำ ประกาศวางจำหน่ายโน้ตบุ๊ก AI ระดับสูงรุ่นใหม่ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล...

[HOW TO] ใช้กล้องมือถือแทนเว็บแคม ภาพโคตรชัดแถมใช้ฟรี !! ด้วย Camo Studio

อยากได้เว็บแคมกล้องชัด ๆ แบบมือถือที่ใช้ ต้องลองแอปฯ นี้เลยครับ Camo Studio เปลี่ยนกล้องมือถือให้กลายเป็นเว็บแคม อัดคลิปทำคอนเทนต์บนคอมได้ง่าย...

STEELSERIES ยกทัพสินค้าใหม่เอาใจสายเกมเมอร์

เปิดตัว ARCTIS GAMEBUDS™ WIRELESS GAMING EARBUDS หูฟังไร้สายที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ในการเล่มเกม ดูหนัง ฟังเพลง...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า