หนึ่งในโปรแกรมแชทยอมนิยมของ Gen X, Y และ Z ต้องยกให้ MSN Messenger ซึ่งวันนี้ผมขอยกประวัติความเป็นมาของมันมาเล่าให้ฟังนะครับ เผื่อใครได้ย้อนยุคกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง
สมัยแรก MSN Messenger Service (ปี 1999-2005)
MSN Messenger Service เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 22 มิถุนายน 1999 ในฐานะโปรแกรมแชทที่สามารถเข้าถึงลิสต์รายชื่อของผู้ใช้ AIM ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการแชทของ American online พูดง่าย ๆ คือ Microsoft ใช้โปรแกรม MSN เป็นหน้าด่านให้ผู้ใช้ Windows เข้าถึงการแชทของ American online ได้ โดยไม่ต้องใช้โปรแกรม AIM

เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ American online จัดการขั้นเด็ดขาด ด้วยการบล็อกช่องทางการติดต่อ จากนั้นใน MSN Messenger Service เวอร์ชันอื่น ๆ ก็จะต้องล็อกอินผ่านบัญชี .Net Passport ซึ่งเป็นบริการจาก Microsoft เอง (จากนั้นจึงตามมาด้วยการใช้ Hotmail ในการล็อกอิน เพราะ .Net Passport ถูกผนวกให้กลายเป็นบัญชีอีเมล) และไม่สามารถใช้งาน AIM ได้อีกนั่นเองครับ
MSN Messenger Service 1.X นั้น รองรับแค่การส่งข้อความหากันและแสดงลิสต์รายชื่อเท่านั้น จนกระทั่งในเวอร์ชัน 2.0 ซึ่งเปิดตัวในวันที่ 16 พฤศจิกายน 1999 เป็นออปชันสำหรับการติดตั้งบน Windows Me พร้อมอัปเกรดฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปแบบของหน้าต่างแชทได้ และที่สำคัญมีแบนเนอร์โฆษณาหมุน ๆ ขึ้นมาที่แถบด้านล่างของโปรแกรมด้วย

ถัดมาใน MSN Messenger Service 3.0 เปิดตัวในวันที่ 29 พฤษภาคม 2000 มาพร้อมฟีเจอร์ที่พลิกโฉมวงการแชท นั่นคือการรองรับการพูดคุยแบบ PC-to-phone ผ่านบริการของเครือข่าย Net2Phone หรือจะจัดให้ MSN Messenger Service 3.0 เป็นโปรแกรมแชทตัวแรกที่รองรับ VoIP คงไม่ผิดนัก

ในเวอร์ชันถัดมาโดยเฉพาะ MSN Messenger 4.6 เปิดตัวในวันที่ 23 ตุลาคม 2001 มาพร้อมการปรับเปลี่ยนรูปหน้าตาของโปรแกรมให้ดูทันสมัยขึ้น พร้อมรองรับการสร้างกลุ่มแชท และมีบริการ VoIP เป็นของตนเอง นอกจากนี้ยังป็นเวอร์ชันแรกที่มีการถอดคำว่า Service ออกจากชื่อเหลือแต่เพียง MSN Messenger นั่นเองครับ
สำหรับเวอร์ชัน 4.6 นี้จะมีอยู่ 2 แบบ คือเวอร์ชันที่มาพร้อมกับตอนเปิดตัว Windows XP จะถูกตั้งชื่อว่า Windows Messenger แทน เพื่อจุดประสงค์ในการใช้โฆษณาฟีเจอร์ของระบบปฏิบัติการ ส่วนเวอร์ชันของ MSN Messenger 4.6 ที่ดาวน์โหลดแยกได้นั้น สำหรับ Windows 95, 98, ME, NT 4.0 และ 2000 ครับ

MSN Messenger 5.0 ถูกนำกลับมารวมไว้ตามเดิม ไม่มีรุ่นแยกเป็น Windows Messenger อีกแล้ว ในเวอร์ชันนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่เพิ่มปลั๊กอิน Windows media player เข้าไปด้วย และในที่สุดโปรแกรมแชท MSN ก็กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว

ส่วน 2 เวอร์ชันสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นสุดยุคของ MSN Messenger นั่นคือเวอร์ชัน 6.X ที่ถูกปรับปรุงหน้าตาให้มีความสดใหม่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มอีโมติคอน, ธีม, อวาตาร์, แบคกราวนด์ และอีกครั้งกับการอัปเกรดในเวอร์ชัน 7.X ที่มีการเพิ่มฟีเจอร์ Wink หากใครจำได้มันจะเป็นเหมือนสติกเกอร์เคลื่อนไหว ที่จะเด้งขึ้นมาบนหน้าต่างแชท และทำท่าทางน่ารัก ๆ แทนข้อความได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถส่งข้อความเสียงสั้น ๆ 15 วินาที เพื่อบอกเล่าเรื่องราวให้เพื่อน ๆ ฟังได้ด้วยครับ

ในเวอร์ชัน 7.X นับว่าเป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 95, 98, ME, NT 4.0 และ 2000 ก่อนการเปลี่ยนผ่านกลายเป็นชื่อ Windows Live Messenger
ยุคใหม่ Windows Live Messenger 8.X (ปี 2005-2009)
สำหรับ Windows Live Messenger แล้ว นอกจากจะมีการเปลี่ยนชื่อ ยังถูกปรับเปลี่ยนหน้าตาของโปรแกรมไปค่อนข้างมาก โดยเน้นในเรื่องของสีสันที่สดใสมากขึ้น พร้อมเพิ่มฟีเจอร์สำคัญคือการค้นหาข้อความหรือรายชื่อ และการใส่ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่ออธิบายรายละเอียดของ Contact คนนั้น (เหมือนการใส่ Status หรือ Biography นั่นแหละ) อีกทั้งยังเพิ่มฟีเจอร์ “ส่งข้อความแบบออฟไลน์” คือเราสามารถพิมพ์ข้อความทิ้งไว้ในหน้าต่างแชทก่อนได้ ถึงแม้เพื่อนจะออฟไลน์ นับว่าเป็นคุณสมบัติเล็ก ๆ ที่ช่วยให้เราใช้งานได้สะดวกขึ้น

Windows Live Messenger 8.0 และ 8.5 รู้จักกันในชื่อ Wave 1 และ Wave 2 เปรียบเสมือนอัปเดตสำคัญที่ช่วยให้โปรแกรมใช้งานได้ดีและสะดวกยิ่งขึ้น
Windows Live Messenger 14-16.4 ก่อนการล่มสลาย (ปี 2009-2012)
Windows Live Messenger 2009 เดิมควรจะเป็นเวอร์ชัน 9.0 ตามลำดับที่ต่อจากเวอร์ชัน 8.5 ทว่าเพื่อให้สอดคล้องกับปีที่เปิดตัว จึงใช้เลข 2009 เป็นรุ่นเวอร์ชัน นอกจากนี้ยังสามารถเรียกเป็น Windows Live Messenger 14 ได้อีกด้วย โดยสาเหตุของตัวเลขนั้นมาจากการใช้เลขเวอร์ชันที่สอดคล้องกับเอร์ชันใน Windows Live Service อื่น ๆ นั่นเองครับ

สำหรับ Windows Live Messenger 2009 จัดเป็น Wave 3 ที่รองรับการใช้งานทั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP, Vista และ 7 เวอร์ชันนี้จะเน้นเรื่องความปลอดภัย โดยที่ผู้ใช้สามารถรายงานการสแปมข้อความได้ รวมถึงเพิ่มความสามารถในการใช้งานภาพ GIF และที่สำคัญคุณสามารถฝากลิ้งก์ URL ไว้บนสเตตัสของตนเองได้อีกด้วย !! (ตอนนั้นจำได้ว่าผมชอบเพลง All good things ของ Nelly Furtado มาก เลยแปะลิ้งก์ยูทูปไว้เผื่อเพื่อนคนอื่นอยากฟังบ้าง อิอิ)
ส่วน Wave 4 นั้นมาในปี 2011 ในช่วงนี้จะตรงกับช่วงที่ Windows 7 มีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า Windows XP แล้วล่ะ ฟีเจอร์สามารถจัดหนักได้มากขึ้น เพราะขีดความสามารถของคอมพิวเตอร์เริ่มพัฒนาแบบก้าวกระโดด ฟีเจอร์เด่น ๆ ใน Windows Live Messenger 2011 ประกอบด้วย หน้าต่างแชทขนาดเล็ก (คล้ายกับแท็บซ่อนแชทบน Facebook), แชทผ่านวิดีโอความละเอียดระดับ HD, รองรับการคอมเมนต์รูปภาพบน Facebook และ SkyDrive และอื่น ๆ อีกมากมาย

จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การทำแอปพลิเคชันสำหรับสมาร์ตโฟน รองรับทั้ง iOS, Windows Phone, Blackberry และ Symbian สมัยก่อนผมใช้ Blackberry ก็มีโอกาสได้แอปนี้เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าหน้าตาไม่ค่อยสวยเท่าไร แถมฟีเจอร์ก็ไม่โดดเด่นเท่าบน PC
สุดท้ายใน Wave 5 กับ Windows Live 2012 ตัวโปรแกรมถูกผลึกเข้ากับชุดติดตั้ง Windows Live Essential 2012 โดยเป็นชุดโปรแกรมจากบริการของ Microsoft ให้ผู้ใช้เลือกติดตั้ง (สมัยนั้นผมเลือกมาใช้แค่ Messenger กับ Movie Maker นี่แหละ) ซึ่งฟีเจอรร์ในโปรแกรมเองก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก

จนกระทั่งในวันที่ 15 มีนาคม 2013 ทาง Microsoft ตัดสินใจแทนที่ Windows Live Messenger ด้วย Skype โดยนำเสนอจุดเด่นของ Skype ที่เหนือกว่า เหลือไว้เฉพาะในประเทศจีนเท่าที่ยังคงสามารถใช้ Windows Live Messenger เพียว ๆ ได้
ปัจจุบันนี้ MSN (Windows Live) Messenger หรือที่คนไทยเรียกจนติดปากว่า “เอ็ม” คงเหลือไว้แต่ความทรงจำแห่งกลิ่นอายของวัยรุ่น ที่เวลากลับบ้านหลังเลิกเรียน จะต้องได้ยินเสียนอติอันเป็นเอกลักษณ์ของโปรแกรมเอ็ม ผมเชื่อว่าหลายคนคิดถึงนะ แต่ถ้าจะให้กลับไปใช้มันอาจจะไม่สะดวกเหมือนแต่ก่อนแล้วล่ะ เอาเป็นว่าให้เหลือไว้เป็นความหลังอันหอมหวานดีกว่า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.trutower.com/2013/01/10/microsoft-windows-live-messenger-retrospective/
You must be logged in to post a comment.