เว็บเบราว์เซอร์ยอดนิยมในสมัยนี้คงหนีไม่พ้น Edge Chromium และ Google Chrome อย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่าเว็บเบราว์เซอร์ในยุคแรกมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบันเลยนะครับ
แม้ในยุคที่เริ่มมี World Wide Web เกิดขึ้นแล้ว แต่โปรแกรมเบราว์เซอร์ดี ๆ สักตัวยังไม่ถือกำเนิดขึ้น ในช่วงนั้นเว็บเบราว์เซอร์ยังมีลักษณะเป็นหน้าต่างสำหรับค้น และแสดงผลหน้าเว็บเป็นข้อความและลิ้งก์แบบบ้าน ๆ ขาดความน่าสนใจและไม่มีความสวยงามเอาเสียเลย นั่นทำให้ Marc Andreessen และ Jim Clark ต้องการสร้างเบราว์เซอร์ดี ๆ สักตัวไว้ใช้งาน
ในปี 1994 Marc และ Jim ได้พัฒนาเบราว์เซอร์ Mosaic Netscape ขึ้น ขณะที่ทำงานอยู่ใน National Center for Supercomputing Applications (NCSA) ภายใต้การกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยมลรัฐอิลินอยส์ อย่างไรก็ตาม อีกหลายเดือนต่อมาในปีเดียวกัน Marc และ Jim ตัดสินใจที่จะถอนตัวออกจากการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุผลทางด้านการสนับสนุน พวกเขาจึงหอบเอาทีมพัฒนาดั้งเดิมไปด้วย และให้กำเนิดเว็บเบราว์เซอร์ที่เราคุ้นเคยในชื่อ Netscape Navigator นั่นเองครับ
และนี่คือจุดเริ่มต้นของเว็บเบราว์เซอร์ ที่ได้รับความนิยมมากตัวหนึ่งในประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์ และในบทความซีรีย์ Extreme History นี้ ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปดูจุดสูงสุดและการจากไปของเว็บเบราว์เซอร์นี้ตัวนี้กันครับ
เบราว์เซอร์อันดับ 1
หลังจากการเปิดตัวของ Netscape Navigator 1.0 ในตอนนั้นผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลดและก๊อปปี้มาใช้กันได้ฟรี ๆ (เฉพาะผู้ใช้ทั่วไป, นักวิจัยในองค์กร และกลุ่มการศึกษา) เป็นการเพิ่มจำนวนผู้ใช้ในท้องตลาด ส่วนการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 99 ดอลลาร์ แต่เนื่องจากขอบเขตการเก็บเงินค่า License มันน้อยไปหน่อย ภายหลังจึงมีการเปลี่ยนให้ใช้ได้ฟรีเฉพาะองค์กรไม่แสวงผลกำไรและสถานศึกษาเท่านั้น ส่วนผู้ใช้ประเภทรวมถึงผู้ใช้ตามบ้านจะต้องซื้อมาติดตั้งเช่นกันครับ (แต่ราคาถูกลงเหลือประมาณ 40 ดอลลาร์)
บางคนอาจจะมองทำไมมันแพงจัง ใครจะไปซื้อ ! แต่ต้องบอกเลยว่า ณ เวลานั้นไม่มีเบราว์เซอร์ตัวไหนทำออกมาได้ดีเท่า Netscape อีกแล้ว ประกอบกับอินเทอร์เน็ตในบ้านเริ่มนิยมมากขึ้น ด้วยการใช้โมเด็มเชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์บ้าน (ในช่วงนั้นมีความเร็วเพียง 14.4 kb เท่านั้นเอง) การเข้ามาของ Netscape ถือเป็นการพลิกโฉมการเข้าสู่โลกออนไลน์โดยไร้คู่แข่งนั่นเอง
ในปี 1995 บริษัท Netscape เข้าสู่ตลาดหุ้นด้วยการเสนอขายหุ้นในมูลค่า 28 ดอลลาร์ต่อหน่วย และในวันแรกของการซื้อขาย ราคาหุ้นของ Netscape พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 75 ดอลลาร์ต่อหน่วย ทำให้บริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Cap) อยู่ที่ 3 พันล้านดอลลาร์ !! นับเป็นการลงทุน IPO ที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ และดูเหมือนมันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่ดอตคอมอีกด้วยครับ
ทุกอย่างไม่เที่ยง
แต่ความฝันอันหอมหวานก็อยู่ได้ไม่นาน ไม่กี่วันหลัง Netscape เปิดขายหุ้น IPO บริษัท Microsoft ก็ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 95 พร้อมส่วนเสริม Microsoft Plus ! ซึ่งภายในแพ็คเกจเสริมนี้มีเบราว์เซอร์ Internet Explorer 1.0 รวมอยู่ด้วย โดยวางจำหน่ายในราคา 49.99 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม IE ยังเป็นน้องใหม่ในวงการ ฟีเจอร์ต่าง ๆ ไม่สามารถเทียบเคียงกับ Netscape ได้ แถมถ้าซื้อ Microsoft Plus ! เพื่อใช้ IE อย่างเดียว งั้นเราซื้อ Netscape มาใช้ไม่ดีเพราะ เพราะยังไงก็เสียเงินเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ทำให้ IE ยังไม่สามารถแยกส่วนแบ่งการตลาดของเว็บเบราว์เซอร์ไปจาก Netscape ได้ครับ
บัลลังก์เริ่มสั่นคลอน
จนกระทั่งในปีถัด 1996 มีการปรับปรุงระบบปฏิบัติการขึ้นมาอีกเล็กน้อย กลายเป็น Windows 95 OSR2 (สำหรับกลุ่ม OEM) ทาง Microsoft ได้รวมเอา Internet Explorer 3.0 เข้าไปในระบบปฏิบัติการเป็นที่เรียบร้อย แน่นอนมันฟรี !! แล้ว IE 3.0 ก็ถูกพัฒนาให้ทำงานได้ดีขึ้นไม่ต่างจาก Netscape ทำไมคุณต้องเสียเงินซื้อ Netscape ด้วยใช่ไหมล่ะ
และหลายคนต่างทราบกันดีว่า คอมพิวเตอร์ 90% ในตลาดใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ส่งผลให้ส่วนแบ่งของ IE พุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่บัลลังก์ของ Netscape เริ่มสั่นคลอน และนำไปสู่การฟ้องร้องการผูกขาดทางการค้าของ Microsoft อีกด้วย
เมื่อไม่สามารถรั้งตำแหน่งเอาไว้ได้ ในปี 1998 บริษัทจึงผลักดันให้ Netscape เข้าสู่ด้านมืด เอ้ย !! ไม่ใช่ เข้าสู่การเป็นโอเพ่นซอร์ส ในฐานะของ Mozilla ซึ่งกลายเป็นรากฐานของเบราว์เซอร์ Firefox ในเวลาต่อมา พร้อมกันนั้นยังถูกซื้อกิจการโดยยักษ์ใหญ่ในวงการอินเทอร์เน็ต American Online (AOL) ด้วยมูลค่ากว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไร แม้จะพยายามเปิดให้ใช้เบราว์เซอร์ได้ฟรีแล้ว ก็ไม่สามารถกระตุ้นส่วนแบ่งการตลาดได้
การเข้าควบกิจการของ AOL แทนที่จะช่วยอะไรได้บ้าง แต่มันยิ่งทำให้การพัฒนาเบราว์เซอร์ช้าลงไปอีก ในปี 1999 IE 5.0 บน Windows 98 ขึ้นเป็นผู้นำในส่วนแบ่งการตลาดทันที แถมยังมีบั๊กน้อยกว่า โหลดหน้าเว็บได้เร็วกว่า Netscape อีกด้วย แล้วแทนที่จะมีการแก้มือให้ทันการณ์ AOL ดันปล่อย Netscape 6 ออกมาในปี 2000 ซึ่งล่าช้าไปนับปีและไม่สามารถสู้กับ IE ได้อีกแล้ว
ถึงเวลาต้องวางมือ
กระทั่งในปี 2002 ทาง AOL ได้ปล่อย Netscape 7 ออกมา แต่กลับไม่ได้รับความนิยมอีกแล้ว คือบอกเลยว่าส่วนแบ่งการตลาดในตอนนั้นแทบจะเป็นศูนย์ไปแล้วนะครับ ทำให้ AOL ตัดสินใจปิดแผนกพัฒนา Netscape ของตนเองไป ส่วนการพัฒนาโอเพนซอร์สของ Mozilla ยังคงมีอยู่ เพียงแต่ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับ Netscape
ในปี 2005 AOL มอบหน้าที่ให้บริษัทภายนอกสัญชาติแคนาดา Mercurial Communications พัฒนา Netscape อีกครั้ง พร้อมเปิดตัวภายใต้ชื่อ Netscape Browser 8 แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นสักเท่าไร ส่วนแบ่งก็ไม่ได้ตีกลับขึ้นมา
แล้วจู่ ๆ ในปี 2007 AOL คิดอะไรไม่รู้ อยากจูบลาลูกตัวเองครั้งสุดท้าย ตัดสินใจนำ Netscape มาพัฒนาอีกครั้งภายในบริษัท พร้อมเปิดตัว Netscape Navigator 9 ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วมันเหมือนกับ Firefox ที่เปลี่ยนธีมเป็นแบบ Netscape เสียมากกว่า และใช่แล้วครับ มันไม่ดัง AOL จึงต้องปล่อยให้เบราว์เซอร์ตัวนี้ตายไปในที่สุด
ปัจจุบันเพื่อน ๆ ยังสามารถดาวน์โหลด Netscape Navigator 9 ได้จากลิ้งก์นี้นะครับ หรือใครอยากลองใช้ตั้งแต่รุ่นแรกก็ลองคลิกที่ ลิ้งก์นี้ แต่ผมไม่รับประกันเรื่องความเข้ากันได้กับ Windows 10 นะ ได้ผลยังไงมาบอกเล่าให้ฟังกันด้วยในคอมเมนต์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.techspot.com/article/2077-netscape-navigator/
https://www.silicon.co.uk/workspace/browser/tales-tech-history-netscape-navigator-197105
You must be logged in to post a comment.