[Extreme History] – เปิดประวัติ Windows Vista ระบบปฏิบัติการสุดเฟลของ Microsoft

สำหรับบทความนี้เป็นเรื่องแรกในซีรีย์ Extreme History ซึ่งผมจะเริ่มต้นแบบซอฟต์ ๆ ด้วยประวัติความล้มเหลวของ Windows Vista จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยครับ

รู้จักกับ Windows Vista

ผมต้องขอออกตัวก่อนว่าในช่วงที่ Windows XP, Vista และ 7 ออกมานั้น ผมยังเรียนมัธยมและยังไม่ได้สนใจในเรื่องคอมเท่าไรนั้น ประวัติส่วนใหญ่ที่บอกเล่าในนี้จะนำมาจากเว็บต่างประเทศอีกที ถ้ามีผิดถูกยังไงต้องขออภัยมาณที่นี้ด้วยนะครับ

Windows Vista เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นที่ 2 ในกลุ่มของระบบปฏิบัติการที่พัฒนาจากฐานของ Windows NT สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป เปิดตัวและวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 30 มกราคม 2007

windows vista

สำหรับจุดเด่นของ Windows Vista หลัก ๆ คือการเปลี่ยนรูปลักษณ์การแสดงผลเป็นแบบโปร่งใส รู้จักกันในชื่อ Windows Aero โดยบริเวณบาร์และแท็ปของหน้าต่างจะสามารถมองทะลุไปยังพื้นหลังได้ หรือจะเป็นบาร์ด้านข้างที่สามารถเพิ่มแกดเจ็ตรายงานผลการทำงานต่าง ๆ ได้ รวมถึงระบบ Windows Search และเมนูแบบใหม่ที่ช่วยให้การค้นหาโปรแกรมต่าง ๆ ทำได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการโฆษณาในเรื่องของการรองรับมัลติมีเดียที่ดีขึ้น, การเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คที่ดีขึ้น, การพัฒนาแอปพลิเคชันบน .NET Framework 3.0 ที่ฝังมาให้เลย หรือจะเป็นระบบความปลอดภัยที่ไมโครซอฟต์เคลมว่าช่วยให้คอมของคุณปลอดภัยมากขึ้น เหล่านี้ฟังดูดีใช่ไหม แล้วทำไมมันถึงถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักขนาดนี้ล่ะ ?

ถ้าอย่างนั้นผมจะพาไปดูตั้งแต่ตอนที่มันเริ่มพัฒนาเลยดีกว่า

 

Windows Longhorn – ต้นฉบับของ Vista

จริง ๆ แล้วก่อนที่ ไมโครซอฟต์ จะเปิดตัว Windows XP ออกมาในปี 2001 ก็ได้เริ่มพัฒนาระบบปฏิบัติการรุ่นถัดอยู่ก่อนแล้ว 5 เดือน โดยใช้ชื่อว่า Windows Longhorn ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าจะเปิดตัวในปี 2003 ครับ

ก่อนการเปิดตัวมันก็ต้องมีชิมลางกันก่อน ด้วยการส่งให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ทดลองใช้งานในปลายปี 2002 กับ Build 3683 แต่ปรากฏว่า UI ยังไม่ค่อยสวยเท่าไร ยังมีความคล้ายกับ Windows XP อยู่มาก จนในต้นปี 2003 จึงได้ออก Build 4008 ที่ใช้ธีม Plex คือสวยขึ้นกว่าเดิม (ถึงแม้จะยังไม่มี Windows Aero) รองรับการติดตั้งผ่านระบบกราฟฟิก แทนที่จะเป็น Text-mode เหมือนใน Windows XP และใช้ระยะเวลาในการติดตั้งลดลงถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว

windows longhorn
Windows Longhorn build 4008 ในธีม Plex

จนกระทั่งกลางปี 2003 ในงานประชุมของไมโครซอฟต์เอง เริ่มมีการนำเสนอส่วนติดต่อผู้ใช้แบบใหม่ในธีม Windows Aero รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยลงไป ได้แก่ Next-Generation Secure Computing Base ซึ่งเป็นการสร้างสภาวะแวดล้อมอันน่าเชื่อถือสำหรับอุปกรณ์ที่ทำงานร่วมกันในระบบ ทั้งหมดนี้วางแผนไว้ว่าจะเปิดตัวในปี 2005 (เลื่อนอีกแล้ว)

 

รีเซ็ตใหม่หมด

ทว่า ในปี 2004 ทีมพัฒนาระบบปฏิบัติการ Windows Longhorn เริ่มสับสนกับทิศทางการพัฒนา เพราะฟีเจอร์ที่ยัดลงมาในระบบปฏิบัติการตัวนี้มันเยอะเกินไป ต้องบอกว่ามันกลายเป็น Vista มันโดนตัดฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่ถูกโฆษณาออกไปเยอะมากครับ

osx
Spotlight การค้นหาข้อมูลอย่างรวดเร็วใน OS X Tiger

แถมพอถึงปี 2005 ซึ่งมันควรจะครบกำหนดการเปิดตัว Apple ดันเปิดตัว Macintosh ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ OS X Tiger แล้วมันดันมีฟีเจอร์หลายอย่างคล้ายกับ Longhorn ด้วย แต่สิ่งสำคัญคือมันทำงานได้เสถียรกว่าระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟต์นี่สิ เพราะในช่วงของการทดสอบ ผู้ใช้มักบ่นอุบกับปัญหาความเอ๋อของ Explorer.exe (ทำให้คอมค้างแล้วทาสก์บาร์กับพื้นหลังจะแวบหายไปช่วงนึง อาจจะต้องสั่งเปิดใหม่ผ่าน Task manager)

windows vista
Instant search การค้นหาข้อมูลอย่างรวดเร็วใน Windows Vista

สุดท้ายจึงมีคำสั่งให้ยกเครื่อง Longhorn ใหม่ทั้งหมด แต่นั่นจะยิ่งสร้างปัญหาให้การเกิดตัวล่าช้า ขนาดบิล เกตส์ยังพูดเองเลยว่า การยกเครื่องใหม่หมดจะทำให้การพัฒนายากขึ้น

 

สุดท้ายได้ชื่อ Windows Vista

ในระหว่างที่มีการปรับปรุงใหม่ ไมโครซอฟต์พยายามค้นหาชื่อสวย ๆ ที่ทำให้ผู้ใช้จดจำได้ง่ายและรู้สึกว้าวกับระบบปฏิบัติการที่พวกเขาจ่ายเงิน Longhorn จึงถูกแทนที่ด้วยชื่อ Vista อย่างเป็นทางการในวันที่ 22 กรกฎาคม 2005 หลังจากนั้นไมโครซอฟต์ก็ Hype เจ้า Vista นี้หนักมากครับ โดยโฆษณาสรรพคุณถึงประสบการณ์การใช้งานไว้อย่างมากมาย แน่นอนว่าพอเป็นแบบนี้แล้ว ผู้ใช้ก็เกิดความคาดหวังว่ามันน่าจะดีมาก ๆ เลยเดียว

windows vista

จนกระทั่งในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2006 ระบบปฏิบัติการ Windows Vista ตัวเต็มถูกจำหน่ายให้กับผู้ใช้งานในภาคธุรกิจ แล้วทิ้งช่วงห่างสักระยะหนึ่งเพื่อให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ทำไดรเวอร์ออกมา ก่อนที่จะเปิดตัวให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้เป็นเจ้าของในวันที่ 30 มกราคม 2007

ดู ๆ แล้วก็ไม่น่าจะใช่ปัญหาใช่ไหมครับ เพราะทางไมโครซอฟต์ก็ได้ตัดฟีเจอร์ที่อาจสร้างปัญหาออกไปบ้างแล้ว (ถึงมันจะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็เถอะ) แต่ในลำดับถัดไปผมจะนำเสนอความเฟลแบบสุด ๆ ให้ทุกคนได้เห็นในแต่ละหัวข้อเลยครับ

 

สาเหตุที่ Windows Vista ไม่สามารถพิชิตใจผู้ใช้ได้

1. Hype เกิ๊น

อันนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกทางใจล้วน ๆ ไมโครซอฟต์โปรโมต Windows Vista ไว้อย่างดิบดูด้วยการโฆษณาสรรพคุณที่ไม่ได้เกินจริงนะครับ แต่มันมีการต่อเติมเสริมแต่งให้มันว้าวตามคำพูด แล้วพอมาเจอของจริงปรากฏว่ามันดูธรรมดา ๆ ไปหน่อย แถมยังปล่อยให้คนรอมาตั้งแต่ปี 2003 จนเปิดตัวในปี 2007 ซึ่งระยะเวลานานขนาดนี้ มันน่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้นั่นเอง

 

2. กินทรัพยากรเยอะ ขนาดสติ๊กเกอร์ที่บอกว่ารองรับยังใช้งานแล้วมีปัญหา

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นแรก ๆ ที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุด ในช่วงที่มีการเปิดตัวครั้งแรกนั้น ไมโครซอฟต์บอกว่าคอมพิวเตอร์ในปี 2005 เป็นต้นไปสามารถใช้งาน Windows Vista ได้อย่างไม่มีปัญหา เห้ย !! แบบนี้ก็เจ๋งสิ คนเลยแห่ไปซื้อมาใช้งาน

แต่ปรากฏว่ามันไม่เป็นอย่างนั้นเลยครับ ด้วยการพัฒนาไดรเวอร์อันยอดแย่ประกอบกับโครงสร้างหลัดที่ห่วยแตก จึงมีอุปกรณ์หลายชิ้นใช้งานไม่ได้หรือเกิดแฮงก์ในระหว่างการใช้งาน มิหนำซ้ำความต้องการระบบของ Windows Vista ยังสูงเอาการเลยแหละ ในรุ่นทดสอบที่ใช้ธีม Plex ไม่ได้ใช้สเปคสูงมากเพราะมีความคล้ายกับ Windows XP แต่พอมาเปลี่ยนเป็นธีม Aero ตัวระบบต้องใช้หน่วยประมวลผลกราฟฟิก 3D ที่แรงขึ้นกว่าเดิม รวมถึงซีพียูและแรมก็ต้องใช้เยอะขึ้นด้วย

windows aero
Windows Aero

ประเด็นมันอยู่ที่ว่าการโฆษณาอันผิดพลาดของไมโครซอฟต์ เพราะดันไปบอกว่าคอม Windows XP สามารถใช้งาน Windows Vista ได้ แต่หลายคนไม่ได้มีสเปคคอมที่แรงขนาดนั้น แล้วพอซื้อ Windows Vista ที่มี Aero มาใช้มันเลยช้า ๆ อืด ๆ นั่นเอง (เพราะไม่มีใครรู้ว่าถ้าสเปคไม่แรงต้องใช้รุ่น Basic)

 

3. Performance แย่มาก

พอมันมีประเด็นเรื่องความต้องการระบบที่สูงเกินไป จึงต้องมีการทดสอบประสิทธิภาพว่าจริง ๆ แล้วมันแย่จริงหรือไม่ ซึ่งก็มีอยู่หลายการทดสอบดังนี้

– Tom’s Hardware ทดสอบการแปลงไฟล์วิดีโอจาก DVD เป็น XviD MPEG4 ปรากฏว่าประสิทธิภาพลดลงราว ๆ 18-24% จากผลทดสอบมาตรฐานที่ควรทำได้

– การคัดลอกหรือลบไฟล์ขนาดใหญ่ช้ายิ่งกว่า Windows XP แม้ว่าทางไมโครซอฟต์จะออกอัปเดตใน Service Pack 1 แล้ว แต่ด้วยภาพลักษณ์ในแง่ลบที่มีต่อระบบปฏิบัติการนี้ จึงทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ยังคงอยู่ตลอดไป

– การเล่นเกม เรื่องนี้นี่แหละที่ทำให้หลายคนขยาด Vista มาก เพราะตอนที่มันออกมาใหม่ ๆ ไดรเวอร์การ์ดจอยังทำออกมาไม่ดีเท่าที่ควร การใช้งานจึงเกิดปัญหาเกมค้างบ้าง จอฟ้าบ้าง หรือได้ FPS ต่ำกว่าที่ได้ใน Windows XP แถมยังใช้แรมเยอะกว่าถึง 1.5-2 เท่าเลยทีเดียว

 

4. ห่วงความปลอดภัยของผู้ใช้มากไปนะพี่

ไมโครซอฟต์โฆษณาเรื่องระบบความปลอดภัยของ Windows Vista ไว้อย่างดิบดี แต่พอเอาเข้าจริงมันดีเกินไปเสียมากกว่า

เรื่องมันมีอยู่ว่าไมโครซอฟต์ปรับรูปแบบการติดตั้งไดรเวอร์หรือแอปพลิชันในแกนกลางของระบบ โดยซอฟต์แวร์เหล่านั้นจะต้องมีใบรับรองเสียก่อนว่าน่าเชื่อถือมากพอที่จะใช้งานกับ Windows Vista มิเช่นนั้นจะถูกถามการยินยอมในทุกขั้นตอนของการใช้งาน (ที่มันจะขึ้นเป็นหน้าต่างให้เรากดยอมรับการใช้งานเวลาติดตั้งโปรแกรมนั่นแหละ)

UAC
User Account Control ที่เด้งขึ้นมาทุกงานจนน่ารำคาญ

ซึ่งระบบนี้ใน Windows 7 และ Windows 10 ยังคงมีอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ดูเหมือนใน Windows Vista มันยังทำออกมาไม่ดี มันจึงส่งผลกระทบต่อการทำงานในภาพรวม โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ของอุปกรณ์ต่าง ๆ เพราะมันไม่สามารถทำงานลึกถึงแกนกลางของระบบได้อย่างเหมาะสม

แล้วทำไมผู้ผลิตซอฟต์แวร์ถึงไม่ขอใบรับรองให้หมดล่ะ จะได้ไม่เกิดปัญหาในการใช้งาน ? มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ เพราะกว่าจะขอใบรับรองจากมาได้โปรแกรมจะต้องผ่านการทดสอบหลายขั้นตอน ลำพังแค่พัฒนาอย่างเดียวก็ไม่ทันแล้ว ถ้าต้องมาขอการรับรองอีกเราคงไม่ได้ใช้ไดรเวอรใหม่กันสักที

 

5. แพง !!

ก่อนที่ไมโครซอฟต์จะลดรุ่นของ Windows เหลือเพียงรุ่น Home และ Pro แต่ก่อนใน Vista เคยมีรุ่นขายปลีกถึง 4 รุ่น ได้แก่ Home Basic, Home Premium, Bussiness และ Ultimate โดยรุ่น Ultimate นั้น เทียบเท่ากับ Windows 10 Pro ในปัจจุบัน แต่ราคาเปิดตัวของมันครั้งแรกสูงถึง 399 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ Windows 10 Pro มีราคาเพียง 199 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แม้กระทั่งรุ่น Home Premium ตอนเปิดตัวยังมีราคาสูงถึง 239 ดอลลาร์เลยทีเดียว

windows vista

ราคาขนาดนี้ส่งผลให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่กับ Windows XP ต่อ เพราะยังสามารถใช้งานได้ดี มีปัญหาน้อยกว่าและมีราคาถูกกว่า ยิ่งตกย้ำให้สถานการณ์มันแย่ลงมากขึ้น

 

สรุปแล้วมันแย่จริงหรือเปล่า

ด้วยประสิทธิภาพอันย่ำแย่ของ Windows Vista ไมโครซอฟต์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจนะครับ เพราะมีการออกอัปเดตส่งมาปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ถึงกระนั้นผู้ใช้ก็ยังพร่ำบ่นว่ามันแย่มาก มันกากเกิน อะไรทำนองนี้ จนเกิดความสงสัยว่าหรือจะเป็นเพราะคนฝังใจไปแล้วว่า ชื่อ Vista = ไม่ดี

เพื่อพิสูจน์สมมุติฐานนี้ จึงเกิดการทดสอบลองใจ โดยให้อาสาสมัครทดลองใช้ Windows ตัวหนึ่งชื่อว่า Mojave ซึ่งไมโครซอฟต์บอกว่ามันคือ Windows ตัวใหม่ที่จะมาแทนที่ Vista ในเร็ว ๆ นี้ แล้วให้เปรียบเทียบกับ Windows Vista

ผลปรากฏว่าส่วนใหญ่พึงพอใจกับ Mojave มากกว่า แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ มันคือ Windows Vista ที่ถูกปรับปรุงแล้วและเปลี่ยนชื่อเฉย ๆ กลายเป็นว่าจริง ๆ ที่ผู้คนว่ามันไม่ดีส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคำบอกเล่าและความคิดในแง่ลบที่มีมาตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก จึงส่งผลให้ Windows Vista ขึ้นแทนระบบปฏิบัติการยอดแย่ ขนาดที่ไมโครซอฟต์ยังออกมายอมรับด้วยเช่นกัน

windows vista

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวสุดเฟลของ Windows Vista ระบบปฏิบัติการที่ทุกอย่างไม่มีความลงตัวเอาเสีย ไม่ว่าจะเป็นความสับสนในทิศทางการพัฒนา, การรื้อทำใหม่, การพัฒนาที่ไม่สมบูรณ์ หรือรวมไปถึงความตื่นตระหนกที่มีต่อ OS X จนสุดท้ายต้องรอให้ Windows 7 มาแก้มือในปี 2009 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี แม้ Windows 7 จะไม่ได้มีเสียงตอบรับดีเท่า Windows XP แต่เพราะมันมีตัวเปรียบเทียบอย่าง Windows Vista นี่แหละ ทำให้มันได้รับการยอมรับในที่สุด

ขออขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.zdnet.com/article/the-top-five-reasons-why-windows-vista-failed/

https://www.windowscentral.com/windows-vista-5-things-you-might-not-know-about-microsoft-messiest-os-release

Sixteen Reasons the Windows Vista Era Never Quite Happened

Related articles

“อุปกรณ์ IoT” “ภัยเงียบที่เสี่ยงคุกคามบ้านคุณ?

ในยุคที่เทคโนโลยี IoT เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ อุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ เช่น หลอดไฟอัจฉริยะ ลำโพงอัจฉริยะ กล้องวงจรปิด หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน...

MSI ก้าวสู่ยุคใหม่ Next-Level AI PC พร้อมเปิดตัวโน้ตบุ๊กขุมพลัง AMD Ryzen™ AI 300 Series

11 พฤศจิกายน 2567 MSI ประเทศไทย แบรนด์พรีเมียมโน้ตบุ๊กชั้นนำ ประกาศวางจำหน่ายโน้ตบุ๊ก AI ระดับสูงรุ่นใหม่ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล...

[HOW TO] ใช้กล้องมือถือแทนเว็บแคม ภาพโคตรชัดแถมใช้ฟรี !! ด้วย Camo Studio

อยากได้เว็บแคมกล้องชัด ๆ แบบมือถือที่ใช้ ต้องลองแอปฯ นี้เลยครับ Camo Studio เปลี่ยนกล้องมือถือให้กลายเป็นเว็บแคม อัดคลิปทำคอนเทนต์บนคอมได้ง่าย...

STEELSERIES ยกทัพสินค้าใหม่เอาใจสายเกมเมอร์

เปิดตัว ARCTIS GAMEBUDS™ WIRELESS GAMING EARBUDS หูฟังไร้สายที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ในการเล่มเกม ดูหนัง ฟังเพลง...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า