ในช่วงต้นยุค 2000 คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักโปรแกรมเล่นเพลงสุดฮิตอย่าง Winamp เพราะฉะนั้น วันนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ หวนคืนอดีตอันเฟื่องฟูของโปรแกรมตัวนี้กันนะครับ
Winamp เปิดตัวเมื่อวันที่ 21 เมษายน 1997 ในยุคที่การฟังเพลงบนคอมพิวเตอร์กำลังได้รับความนิยม ถึงแม้มันจะไม่ใช่โปรแกรมฟังเพลงตัวแรก แต่จัดว่าเป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนั้นเลยล่ะครับ
โปรแกรมเล่นเพลงนี้ถูกสร้างขึ้นโดยนักพัฒนาจำนวน 4 คน โดนใช้ชื่อเรียกว่า WinAMP แต่ผมไม่ได้เขียนผิดนะ เพราะผู้สร้างต้องการให้สอดคล้องกับคำเต็ม ๆ ว่า Windows Advanced Multimedia Products ก่อนจะเปลี่ยนให้ดูสวยงามขึ้นเป็น Winamp
จุดเด่นของมันคือการใช้งานที่ง่าย โดยเฉพาะการลากเพลงเข้ามาไว้ในหน้าต่าง Playlist อีกทั้งยังผนวกกับระบบแชร์ไฟล์ออนไลน์อย่าง Napster รวมถึงอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ตอนเด็ก ๆ ผมชอบมาก คือการเปลี่ยนสกินโปรแกรม และการปรับ Equalizer ได้อย่างอิสระ ทำให้นักฟังเพลงระดับ Geek ชื่นชอบมันเป็นอย่างมากเลยครับ
จากนั้นไม่นาน Winamp มีจำนวนผู้ใช้งานถึง 90 ล้านรายทั่วโลก จนกระทั่งเรื่องราวได้มาสิ้นสุดลงในปี 1999 เมื่อ Nullsoft (ผู้สร้างเดิม) ประสบปัญหากับวิกฤตเศรษฐกิจดอทคอม เป็นเหตุให้ AOL เข้ามาเทคโอเวอร์ในราคา 80 ล้านดอลลาร์
ปรากฏว่า AOL ดันให้ความสำคัญกับบริการ Dial-up (ที่ไม่ได้มีชื่อเสียง) จนมากเกินไป จนงบประมาณส่วนใหญ่ไม่ถูกนำไปใช้พัฒนาบริการอื่น ๆ รวมถึง Winamp อีกทั้งยังทำจำกัดการใช้งานของ Winamp มากเกินไป ด้วยการออกเวอร์ชันโปร โดยจะต้องซื้อในราคา 10 ดอลลาร์ ทำให้จำนวนผู้ใช้งานเริ่มลดลงเรื่อย ๆ
เมื่อเป็นเช่นนั้น AOL จึงออกแผนใหม่ แต่ดั๊นนนเป็นแผนโปรโมต Dial-up ของตัวเองซะงั้น ด้วยการออกโปรโมชัน “ซื้อ Winamp ฟรีบริการ Dial-up นะจ๊ะ” ซึ่งบางคนอาจจะว้าวกับพ่อบุญทุ่ม AOL นะ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ชอบใจเท่าไรหรอก
และแล้วจุดจบที่แท้จริงของ Winamp ก็มาถึง เมื่อปี 2001 บริษัท Apple ออกผลิตภัณฑ์ฟังเพลงชั้นยอด “iPod” นับว่าเป็นการปฏิวัติวงการดนตรีในทันที ในตอนแรกยังไม่กระทบกับ Winamp มากนัก เพราะเจาะกลุ่มคนละเป้าหมาย (อุปกรณ์พกพา vs. โปรแกรมฟังเพลงบนคอมพิวเตอร์) แต่ในปี 2003 ทาง Apple ตีตลาดออกโปรแกรม iTunes สำหรับ Windows ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการเพลงของ iPod บนคอมพิวเตอร์ง่ายขึ้นกว่าเดิม (รวมถึงซื้อเพลงได้ด้วย)
ยิ่งไปกว่านั้น จุดเด่นที่เหนือกว่า Winamp คือความสามารถในการดึงเพลงจากแผ่นซีดีมาใส่ไว้ในโปรแกรม (Rip CD) ด้วยขั้นตอนที่ง่ายเพียงคลิกเดียว ประกอบกับหน้าตาสะอาดสะอ้างเน้นการใช้งานง่าย ผิดกับ Winamp ที่มีหลายหน้าต่างเกินไป แม้พวก Geek จะยังชื่นชอบมันอยู่ แต่ User ทั่วไปเริ่มหันหลังไปใช้ iTunes กันหมด แม้ว่าผู้พัฒนาจะปรับตัวโดยการเพิ่มฟีเจอร์สำหรับโอนเพลงจาก Winamp ลง iPod (เป็นการเพิ่มยอดผู้ใช้ทางอ้อม) แต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้สถานการณ์ตีกลับมาได้เหมือนเดิมอีก
สุดท้าย AOL จึงเตรียมประกาศปิดตัว Winamp ในปี 2013 ก่อนจะตัดสินใจขายให้กับบริษัท Radionomy แทน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมี Winamp เวอร์ชันใหม่ออกมา มันก็คงจะไม่ได้รับความนิยมเหมือนเดิมอีกแล้วครับ
ทุกวันนี้เรายังสามารถกลับไปใช้ Winamp แบบเก่าได้อยู่นะ เพียงแต่ว่าด้วยโครงสร้างโปรแกรมที่ทำออกมาสำหรับ Windows XP/98/95/Me ทำให้หน้าต่างของมันเล็กลงมากเมื่อมาเปิดบน Windows 10 ซึ่งเราสามารถขยายสเกลโปรแกรมได้ อืมมม…แต่หน้าต่างมันก็จะแตกเป็นเม็ดพิกเซลนั่นแหละ
หากเพื่อน ๆ คนไหน มีประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้งาน Winamp สามารถบอกเล่ากันได้ในคอมเมนต์นะครับ สวัสดีคร้าบ ^^
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.howtogeek.com/369298/what-happened-to-winamp-and-can-you-use-it-now/
You must be logged in to post a comment.