งบประมาณไม่มากไม่น้อยไม่รู้จะเลือกเมนบอร์ดอะไรเข้ามาดู gaming motherboard (LGA 1151)
หากคุณเป็นอีกคนที่ยังใช้ Sandy Bridge? และรักมากกับ Phenom II? หลังจากที่ทาง Intel 1151 และ AMD AM4 sockets เริ่มทยอยกันออกมา ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน processor และ chipsets รุ่นใหม่ๆ. คิดว่าน่าจะถังเวลาอัพเกรดกันบ้างแล้ว.
เรามาเริ่มกันที่ socket 1151 หลังจากที่ Skylake ที่น่าเบื่อได้เปิดตัวออกมา. สำหรับตัวอัพเดทใหม่ Z270 platform นี้มีประสิทธิภาพทางด้าน overclocking และการควบคุมทำได้ดีขึ้น, มี M.2 slots มากขึ้น, ระบบไฟส่องสว่าง LED ทำได้เยี่ยมแสงสีสดใส, และปรับปรงุทางด้านภาคเสียงได้ดีขึ้่นโดยการนำเอา Realtek ALC1220 audio codec ใหม่ใช้กันมากขึ้น. ความเสถียรทำได้ดีขึ้นบน Z270, boot times น้อยลง, ประสิทธิภาพทางด้าน memory ดีขึ้น, และอุณภูมิที่ลดน้อยลง.
ทั้งหมดนี้ยังเพียงแค่ครึ่งเดียว. จนกระทั่ง AMD AM4 platform และ Ryzen processor ได้เปิดตัวออกมาถึงแม้ว่าจะเกี่ยวขาตัวเองช่วงแรกๆก็ตาม แต่สิ่งที่นำเสนอให้มา ถือว่าคุ่มกับการรอคอยและเงินที่ลงทุนไป.
เหมือนซึ้อหนึ่งแถมหนึ่งเลยก็ว่าได้สำหรับทางฝั่งแดง คุณจ่ายเพียงแค่ครึ่งเดียวหากเทียบกับฝั่งเขียวกับจำนวนแกนที่ให้มาเท่าๆกัน, Ryzen น่าจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับเกมส์เมอร์ที่ต้องการคอมระดับ workstation แต่กระเป๋าไม่ฉีก. และหลังจากที่มีการอัพเดท BIOS ใหม่ออกมาสิ่งที่เคยเกิดปัญหาก็ชิวๆ.
หากถามถึงเมนบอร์ดที่เข้าวินบอกได้เลยว่ามีหลายรุ่นที่เราให้ความสนใจ บางรุ่นก็เพิ่งทำกันออกมาให้เห็น สำหรับเมนบอร์ดในระดับกลางๆที่นิยมนำมาสร้างกันก็จะเป็นรูปแบบ mATX ไม่ใช่ ITX , และทางด้านราคาก็มีมาให้เลือกตั้งแต่ 70 – 100 เหรียญ แต่สิ่งที่นำเสนอมาให้บนบอร์ดนั้นถือว่ามูลค่ามันมากกว่าแต่ก่อนเยอะ.
ดีที่สุดสำหรับเมนบอร์ดระดับปานกลาง/midrange gaming motherboard (LGA 1151)
สำหรับระดับ midrange คงต้องยกให้ Maximus IX Hero, แต่ทางด้านราคาเคาะมาเป็นสองเท่าจากบอร์ดทั่วๆไปแต่ประสิทธิภาพนั้นหายห่วงพร้อมด้วยฟีเจอร์ที่นำเสนอเลยทำให้มันเป็นเมนบอร์ดที่ดีที่สุดในกลุ่ม socket 1151.
ตัวครีบกระจายความร้อนทำสีเหล็กเดียวและรูปร่างเหมือนกับปืนเป็นสีเทาและมีหน้าตาโดยรวมทำออกมาหากดูผิวเผินนึกว่ามันเป็นระดับ workstation หากเพียงแต่ว่ามันไม่มีระบบไฟแบบ Aura lighting เท่านั้น ระบบไฟสองสว่างบนบอร์ดสีสรรเยี่ยมและยังสามารถควบคุมสีให้เข้าคอมเคสของคุณได้อีกด้วย.
สำหรับผู้ที่ชอบประกอบคอมเองจะรู้สึกสนุกไปกับมัน-ด้านบนฝั่งขวาและด้านล่างตรงขอบบอร์ดเป็นตำแหน่งของปุ่ม power, system reboot, memory reset, และ BIOS entry, และยังเหมาะมากหากนำไปติดตั้งไว้บน workbench. ตำแหน่งจัดวางขั้วพัดลมวางมาได้เหมาะเจาะมากพร้อมด้วยฟีเจอร์การวัดกระแสไหลเวียนของระบบทำความเย็นด้วยน้ำและควบคุมรอบหมุนพัดลมจากซอร์ฟแวร์ของ ASUS.
สำหรับ Hero IX ยังสามารถทนทานได้มากถึง 5.1 GHz stress-free และรองรับ memory ได้ถึงสองแท่งสามารถรองรับการอัดได้มากกว่าถึง 3600 MHz. สำหรับในการทดสอบ BCLK นั้นสามารถอัดไปได้มากถึง 5.2 GHz แบบนิ่งๆก่อนที่ความร้อนจะเป็นประเด็นขึ้นมา. ไม่มีบอร์ดรุ่นไหนสามารถขยับมาได้ใกล้เพียงนี้แม้จะเป็นของทาง ASUS ก็ตามหรือที่มีราคาแพงกว่าเช่น Formula IX.
มี USB ports สิบชุดด้านหลังแผง I/O panel มากพอสำหรับการต่อเชื่อมด้านนอก แต่สำหรับดานในนั้นมีค่อนข้างจำกัด/internal USB headers. ซึ่งก็หมายถึงขั้วต่อ USB 2.0 headers, และสำหรับใครที่กำลังจะนำระบบทำความเย็นด้วยน้ำโดยเฉพาะของ Corsair H115i คงต้องคิดให้หนักหน่อยเพราะมันต้องขั้วต่อ USB header รุ่นเก่าหรือไม่ก็ต้องพึ่งตัว internal USB expander หรือ adaptor cable สำหรับ USB 3 หรือ 3.1 headers.
มีมาให้พร้อม Intel v219 Ethernet LAN controller บนบอร์ดแต่ไม่มี Wi-Fi และ Bluetooth และน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหากทำออกมาใหม่สำหรับล็อต 2017.
Carbon cloning
หากเกมส์เมอร์อยากจะหาตัวเลือกที่ถูกกว่านี้แต่มีฟีเจอร์ที่คล้ายๆกันก็น่าจะเป็นของ MSI’s Gaming Pro Carbon ซึ่งทำหน่าตาและธีมสีเทาๆออกมาเช่นกัน เคาะราคามาที่ $170. มี dual M.2 slots, ALC1220 audio, และระบบไฟส่องสว่าง LEDs ควบคุมได้, แต่จะหน้าตาจะไม่หล่อเท่า แถมการทำ overclocking Kaby Lake และ high-speed DDR4 memory จะด้อยกกว่า.
ราคาตามร้านค้าออนไลน์ของ Asus Maximus IX Hero
ที่มาเครดิต/Sources:
http://www.pcgamer.com/the-best-gaming-motherboards/?utm_content=buffer6f256&utm_medium=social&utm_source=facebook&utm_campaign=buffer-maxpcfb
You must be logged in to post a comment.