ดูเหมือนปี 2018 นี้ จะยังไม่ใช่การเปิดศักราชใหม่ที่ดีสำหรับวงการคอมพิวเตอร์มากนัก เนื่องจากว่าบริษัทผลิต Silicon wafer ในไต้หวัน GlobalWafers ประกาศจะขึ้นราคา Silicon waferในปี 2018 ถึง 20% ครับ
ก่อนหน้านี้ เคยมีการประกาศขึ้นราคาจากบริษัท SUMCO ซึ่งเป็นผู้ผลิต Silicon wafer รายใหญ่ของโลก โดยจะขึ้นราคาอีก 20% ภายในปีนี้ และต่อมาก็ยังมีบริษัทจากไต้หวันร่วมทัพขึ้นราคาอีก นั่นอาจส่งผลต่อราคาของชิป NAND, แรม, ซีพียู หรือแม้กระทั่งการ์ดจอ
ปัจจัยการขึ้นราคาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการขาดแคลนเวเฟอร์ขนาด 300 mm ที่นำไปผลิตชิปกราฟิกและแรม ซึ่งมาจากความนิยมในการทำเหมือง Cryptocurrency และการประกอบคอมพิวเตอร์ DIY ทำให้ไม่สามารถหาทรัพยากรมาผลิตได้ทัน จึงส่งผลให้มีการขึ้นราคาสินค้าครับ
แล้วมันส่งผลกระทบต่อราคาสินค้ามากแค่ไหน
เรามาคำนวณกันเล่นๆ นะครับ ปกติแล้วเวเฟอร์ขนาด 300 มิลลิเมตร (ตามความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลาง) จะมีพื้นที่ที่นำไปใช้งานได้จริง ประมาณ 70,686 ตารางมิลลิเมตร ซึ่งในการนำไปผลิต Die ซีพียูจะมีการตัดแบ่งเวเฟอร์พวกนี้ไปใช้ครับ
ยกตัวอย่างเช่น Ryzen 3 1200 มีขนาด Die 213 ตารางมิลลิเมตร เราจะสามารถนำเวเฟอร์ขนาด 300 มิลลิเมตร มาตัดแบ่งไปผลิต Ryzen 3 1200 ได้ทั้งสิ้น 70,686/213 = 331.9 หรือประมาณ 332 ตัวครับ
เพราะฉะนั้น สมมุติว่าเวเฟอร์ 300 มิลลิเมตร 1 ชิ้น เดิมมีราคาชิ้นละ 500 บาท นำไปผลิตซีพียู Ryzen 3 1200 ได้ 332 ตัว แสดงว่ามันจะมีราคาตกชิ้นละ 500/332 = 1.5 บาท ต่อซีพียู 1 ตัว
แต่เมื่อเพิ่มราคาเวเฟอร์ขึ้นอีก 20% จากเดิมราคา 500 บาท กลายเป็น 600 จะทำให้เวเฟอร์ชิ้นเล็กๆ มีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 600/332 = 1.8 บาท จากเดิม 1.5 บาท ซึ่งตรงนี้จะเห็นได้ว่าซีพียูจะมีราคาเพิ่มขึ้น 0.3 บาทเท่านั้น (อันนี้คิดเฉพาะราคาเวเฟอร์ชิ้นเล็กในซีพียูเท่านั้นนะ)
** ราคา Silicon wafer นี้ผมสมมุติขึ้นมานะ เพียงแค่นำเสนอให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นเฉยๆ นะครับ **
เพราะฉะนั้น การขึ้นราคาของ Silicon wafer จริงๆ แล้วอาจจะไม่ส่งผลให้มีการขึ้นราคาชิปประเภทต่างๆ มากนักนะครับ แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไป เพราะผู้ผลิตรายย่อยเองก็อาจถือโอกาสจากข่าวนี้ก็เป็นได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.overclock3d.net
You must be logged in to post a comment.