ส่องเทคโนโลยี NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV ยกระดับความอัจฉริยะของรถ SUV อีกระดับ

หลังจากที่ประสบความสำเร็จจาก MG HS รถ SUV รุ่นแรกของเอ็มจีที่เข้าสู่ตลาดรถยนต์ของเมืองไทยในปี พ.ศ. 2562 ทำให้กลายเป็นที่รู้จักฐานะผู้เล่นหลักในกลุ่มรถยนต์ C-SUV และเพื่อตอบโจทย์พัฒนาการของรถยนต์ยุคใหม่ จึงถึงเวลาของการเปิดตัว NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV จะมีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไรบ้างไปดูพร้อม ๆ กันเลย

AR Navigation ระบบนำทางสุดไฮเทค ที่ใส่ใน NEW MG HS และ NEW MG  HS PHEV เป็นรุ่นแรก !!

เพื่อให้เข้ากับชีวิตยุคใหม่ที่เทคโนโลยี คือ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในไลฟ์สไตล์ของคุณ NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV จึงมาพร้อมกับระบบอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้รถ เริ่มต้นกันที่ระบบนำทางเสมือนจริง AR Navigation ที่มีมาให้เฉพาะรถในซีรีย์นี้เท่านั้น

สำหรับชาว Extreme IT ที่เคยสัมผัสกับเกมรถแข่ง คุณอาจจะเคยเห็นลูกศรนำทางตามเส้นทางต่าง ๆ เพื่อชี้บอกเส้นทางที่ควรไปใช่ไหมครับ? ใน NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV ก็มีด้วยเช่นกัน โดยอาศัยกล้องที่อยู่บริเวณหน้ารถจับภาพเส้นทางถนนเบื้องหน้า แล้วนำมาแสดงผลให้ผู้ขับขี่ได้รับชมบนจอเดียวกับจอแสดงผลอัจฉริยะ ขนาด 12 นิ้ว

AR Navigation

ซึ่งภาพที่ได้เป็นภาพเดียวกับที่คุณเห็นจากหน้ารถ แต่ระบบจะเพิ่มลูกศรเพื่อคอยชี้เส้นทางที่คุณควรไป (โดยลิ้งก์ข้อมูลกับเส้นทางเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ใน GPS) ระบบนี้จะช่วยลดความสับสนในการขับขี่ กรณีที่บางครั้ง GPS อาจระบุระยะการเลี้ยวรถไม่ชัดเจน AR Navigation จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ทุกการขับขี่ของคุณได้นั่นเอง

 

ระบบ Digital key นวัตกรรมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

นอกจากระบบนำทางเสมือนจริงแล้ว NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV ยังมาพร้อมเทคโนโลยีกุญแจดิจิทัล (Digital key) ให้คุณใช้รถได้สะดวกมากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องพกกุญแจให้ยุ่งยากอีกต่อไป ซึ่งฟังก์ชันของ Digital key มีดังนี้

  • สิ่งแรกที่กุญแจทุกชนิดควรทำได้ คือ การสตาร์ตรถ แน่นอนว่า Digital key นี้สามารถทำได้เช่นกัน เพียงแค่คุณกดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์จากสมาร์ตโฟน จากนั้นกดปุ่ม Push start ที่อยู่ข้างพวงมาลัย เท่านี้คุณก็สามารถสาร์ตรถได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้กุญแจตัวจริง
  • สั่งการล็อกหรือปลดล็อกรถได้ เมื่อสมาร์ตโฟนอยู่ในระยะสัญญาณบลูทูธของรถ คุณจะสามารถปลดล็อกรถได้ และในทันทีที่คุณเดินออกห่างจากสัญญาณ ระบบก็จะทำการล็อกรถให้โดยอัตโนมัติ
  • ค้นหาตำแหน่งของรถยนต์ เพียงกดปุ่มค้นหาตำแหน่งรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน รถยนต์ก็จะมีการส่งเสียงและเปิดไฟกะพริบให้คุณทราบตำแหน่งที่จอดได้ทันที เพราะฉะนั้น หมดห่วงเรื่องการไปเดินห้างสรรพสินค้าแล้วหารถไม่เจอได้เลยนะครับ
  • ฟังก์ชันสุดท้ายที่เป็นไฮไลต์ของ MG คือ การแชร์ Digital key ให้กับคนที่มีแอปพลิเคชัน i-SMART โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้สิทธิ์บุคคลนั้นในการควบคุมรถได้แค่ไหน เช่น สตาร์ตรถ, ล็อก-ปลดล็อก หรือหาตำแหน่งของรถ และไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลผู้ใช้ใด ๆ อีกทั้งจะยกเลิกสิทธิ์ตอนไหนก็ได้ครับ

 

i-SMART intelligent system เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อระหว่างคนกับรถยนต์ให้เป็นหนึ่งเดียวได้จริง

i-SMART คือ ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะจาก MG ที่ยกระดับทุกการขับขี่ ให้คุณสามารถสั่งการทุกระบบได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน แบรนด์เอ็มจีถือเป็นแบรนด์รถยนต์ที่สร้างประสบการณ์ด้วยเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ให้กับคนไทยมากเลยทีเดียว

สำหรับระบบควบคุมการทำงานของ NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV ผ่าน i-SMART จะประกอบด้วย 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

Smart Check – ตรวจสอบสถานะต่าง ๆ ของรถ เช่น การล็อกประตู, ค้นหาตำแหน่งรถของคุณ, ตรวจสอบความผิดปกติของเครื่องยนต์และระบบความปลอดภัย, การแจ้งเตือนความผิดปกติ, ระบบค้นหาศูนย์บริการพร้อมสร้างการนัดหมายเพื่อเข้าตรวจเช็ก และยังใช้เช็กสถานะของแบตเตอรี่พร้อมช่วยค้นหาสถานีชาร์จที่อยู่ใกล้คุณได้ (สำหรับ MG HS PHEV)

Smart Command – ระบบสั่งการอัจฉริยะ เช่น เข้าใช้งานรถยนต์ด้วยกุญแจดิจิทัล, ควบคุมระบบปรับอากาศ, ค้นหาจุดท่องเที่ยวและวางแผนการเดินทาง, โทรออก-รับสายเรียกเข้า, ระบบโทรหาคนสำคัญในกรณีฉุกเฉิน เมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน และระบบสั่งการด้วยเสียง

Smart Connect – ระบบ AR Navigation คือ ระบบนำทางอัจฉริยะที่นำเทคโนโลยี AR มาใช้ เพื่อแสดงภาพเสมือนจริงจากที่เห็นผ่านกล้องหน้ารถ, Smart Navigation ระบบแสดงภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ และระบบด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ต่าง ๆ เช่น การฟังเพลงออนไลน์, พยากรณ์อากาศ, อัปเดตข่าวสาร, แนะนำสถานที่พักและรับประทานอาหาร

ทั้งหมดนี้ คือ การรวมเทคโนโลยีสุดล้ำให้คุณขับขี่รถได้ปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น เติมเต็มไลฟ์สไตล์ด้วยระบบอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานครอบคลุมทุกรูปแบบ

 

รถ SUV ที่มีดีเรื่องดีไซน์ ใส่ความสปอร์ต หรูหรา แบบจัดเต็ม

NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV รุ่นใหม่มาพร้อมกับนิยาม “REFINEMENT” มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานระหว่างความหรูหราและความสปอร์ตอย่างลงตัว

ภายนอกได้รับการดีไซน์ให้มีความโฉบเฉี่ยวดูสปอร์ตมากขึ้น ด้วยกระจังหน้าแบบ Digital Burning Grille สีทูโทน พร้อมกันชนหน้า กันชนท้ายดีไซน์ใหม่ และปลายท่อไอเสียแบบคู่ ซึ่งทั้งหมดถูกปรับเปลี่ยนให้ดูทันสมัยมากขึ้น ส่วนทางด้านไฟหน้ารถจะเป็นแบบ Quad LED Projector พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟท้ายแบบ Full LED, ระบบไฟ Welcome Light, สปอยเลอร์เหนือประตูท้าย, ราวหลังคา, ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชันปรับระดับสูง-ต่ำ ซึ่งสามารถสั่งการผ่านรีโมตคอนโทรลได้ ตบท้ายด้วยล้ออัลลอย Bi-color ดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว

 

การออกแบบภายในที่ใส่ใจทุกรายละเอียด

ภายในห้องโดยสารของ NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV รุ่นใหม่ มีให้เลือกทั้งโทนสีดำ และทูโทน (ขาว/น้ำเงิน Monaco Blue) ที่เข้ากันได้กับส่วนประกอบภายในอย่างลงตัว นอกจากนี้ วัสดุภายในยังเป็นแบบ Soft Touch นุ่มสบายให้ความหรูหรา

เบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบ Sport Bucket Seat ให้อารมณ์ความเป็นรถสปอร์ต และเพิ่มความหรูหราโดยการเลือกใช้วัสดุ Alcantara สามารถปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง ส่วนเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจะสามารถปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง

เดิมทีห้องโดยสารของรถรุ่นนี้กว้างขวางอยู่แล้ว ยิ่งใส่ Panoramic Sunroof มาให้ เพิ่มความโปร่ง โล่งสบายของห้องโดยสารมากยิ่งขึ้น แถมใส่ชุดไฟ Interactive Ambient Light ที่สามารถปรับแต่งได้มากถึง 64 เฉดสีมาให้อีกด้วย

ทางฝั่งโซนหน้ารถ เริ่มต้นด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อม Paddle Shift, หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว, จอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนด้วยระบบ Android และ Apple CarPlay พร้อมเต็มอื่มด้วยระบบเสียง BOSE 8.1 Sound System, กระจกมองหลังตัดแสงแบบอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone, ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งระบบปรับอากาศสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 และอีกหนึ่งฟีเจอร์น่าสนใจ คือ NVH Luxury Silence Space แผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร ช่วยตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างดีเยี่ยม สังเกตจากฟังก์ชันที่ใส่ในรถยนต์รุ่นนี้ บ่งบอกว่าเอ็มจีให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารค่อนข้างมากเลยทีเดียว

 

ระบบความปลอดภัยสุดล้ำและชาญฉลาด

NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV รุ่นใหม่ ติดตั้งระบบความปลอดภัย Advanced Synchronized Protection System มาให้มากถึง 26 ระบบ โดยแบ่งออกเป็นระบบความปลอดภัยเพื่อการป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ เน้นในเรื่องการช่วยเบรกและรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ จำนวน 14 ระบบ และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) หรือระบบช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทั้งด้านหน้าและด้านท้ายรถ ซึ่งเทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2 (Autonomous Level 2) รวมกันกว่า 12 ระบบ ได้แก่

  • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake) – ระบบนี้เป็นฟังก์ชันใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV ทำงานร่วมกับระบบ FCW เมื่อระบบตรวจจับได้ว่ารถกำลังเข้าใกล้วัตถุเบื้องหน้า (เช่น ต้นไม้ หรือรถยนต์คันอื่น ๆ) โดยที่ไม่ลดความเร็วลงและไม่มีการตอบสนองจากผู้ขับขี่ ระบบ AEB จะเริ่มชะลอหรือเบรกรถให้อัตโนมัติ เพื่อลดความเกิดอุบัติเหตุ
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ

นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่น ๆ ประกอบด้วย จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX, ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock), เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง, ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer, ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง และระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ ซึ่งทั้งหมดจะนี้ช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างไร้กังวล

 

2 ระบบขับเคลื่อนทางเลือกของ NEW MG HS

สำหรับรถรุ่น NEW MG HS มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ 4 รูปแบบ คือ Normal, ECO, Sport และ Super Sport สมรรถนะการขับขี่ การตอบสนองไม่น้อยหน้ารุ่น PHEV แน่นอน

NEW MG HS PHEV ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดรวมทั้งระบบ 284 แรงม้า ให้ระยะทางขับขี่ในโหมดไฟฟ้าได้ไกลสูงสุด 67 กิโลเมตรเมื่อชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม

ใช่แล้วครับ!! และนี่คือจุดเด่นสำคัญของ NEW MG HS PHEV ให้คุณได้สัมผัสกับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบ 100% ตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี

ตรงนี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับรถยนต์ Hybrid กันมาบ้างแล้ว ทว่า ระบบ Plug-in Hybrid ของ MG HS PHEV เป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีระบบขับเคลื่อน Hybrid รองรับแรงม้าสูงถึง 284 แรงม้า

  • การใช้พลังงานเชื้อเพลิง

Plug-in Hybrid จะเน้นการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นพลังงาน ทำให้ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดเล็ก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ Hybrid ทั่วไป

  • การชาร์จพลังงานแบตเตอรี่

รถยนต์ Hybrid ทั่วไปจะสะสมพลังงานจากการชะลอความเร็วลด แต่ Plug-in Hybrid สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ทันที จึงทำให้คุณมีพลังงานเพียงพอในการขับเคลื่อนรถยนต์

                         

 

  • ระยะทางเมื่อวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า

เนื่องจากรถยนต์แบบ Hybrid ทั่วไปจะมีแบตเตอรี่ขนาดเล็ก จึงวิ่งได้ระยะทางสั้น ๆ เท่านั้นเมื่อใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ในขณะที่ MG HS PHEV มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า สามารถกักเก็บไฟฟ้าได้มากจึงวิ่งในระยะทางได้ไกลสูงสุดถึง 67 กิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งถ้าใช้ขับขี่ในเมือง โดยแต่ละวันวิ่งด้วยระยะทางสั้น ๆ ก็แทบจะลืมการเติมน้ำมัน และหมดกังวลเรื่องราคาน้ำมันออกไปได้เลย ตอบรับการสถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบันได้ดีมาก ๆ

  • รักษาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

Plug-in Hybrid ใช้พลังงานจากไฟฟ้าขับเคลื่อนเป็นหลัก ช่วยลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีกว่ารถยนต์ Hybrid ทั่วไป ดังนั้น ในข้อนี้ MG HS PHEV ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมแน่นอน

NEW MG HS และ NEW MG HS PHEV มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็นรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปจำนวน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น C รุ่น D และรุ่น X และรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น PHEV D และ รุ่น PHEV X พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black  Knight) สีเทา (Metal Ash Grey) และสีแดง (Scarlet Red)

สำหรับผู้ที่สนใจแต่ยังไม่สะดวกเดินทางออกไปนอกบ้านจากสถานการณ์โควิด-19 สามารถเข้าชมตัวอย่างรถแบบ 360 องศาผ่านทางเว็บไซต์ MG Cars อีกทั้งสามารถจองทดลองขับและจองรถออนไลน์ได้ด้วย อินเทรนด์ขนาดนี้พลาดไม่ได้แล้วล่ะครับ

Related articles

“อุปกรณ์ IoT” “ภัยเงียบที่เสี่ยงคุกคามบ้านคุณ?

ในยุคที่เทคโนโลยี IoT เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ อุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ เช่น หลอดไฟอัจฉริยะ ลำโพงอัจฉริยะ กล้องวงจรปิด หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน...

MSI ก้าวสู่ยุคใหม่ Next-Level AI PC พร้อมเปิดตัวโน้ตบุ๊กขุมพลัง AMD Ryzen™ AI 300 Series

11 พฤศจิกายน 2567 MSI ประเทศไทย แบรนด์พรีเมียมโน้ตบุ๊กชั้นนำ ประกาศวางจำหน่ายโน้ตบุ๊ก AI ระดับสูงรุ่นใหม่ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล...

[HOW TO] ใช้กล้องมือถือแทนเว็บแคม ภาพโคตรชัดแถมใช้ฟรี !! ด้วย Camo Studio

อยากได้เว็บแคมกล้องชัด ๆ แบบมือถือที่ใช้ ต้องลองแอปฯ นี้เลยครับ Camo Studio เปลี่ยนกล้องมือถือให้กลายเป็นเว็บแคม อัดคลิปทำคอนเทนต์บนคอมได้ง่าย...

STEELSERIES ยกทัพสินค้าใหม่เอาใจสายเกมเมอร์

เปิดตัว ARCTIS GAMEBUDS™ WIRELESS GAMING EARBUDS หูฟังไร้สายที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ในการเล่มเกม ดูหนัง ฟังเพลง...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า