Mi Robot Vacuum มันคือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะตัวจริง สามารถวิเคราะห์พื้นที่และทำงานอย่างมีระบบ คำนวนเส้นทางสำหรับการทำความสะอาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการเก็บข้อมูลแล้วมาสร้าง อัลกอริทึม Simultaneous Localization and Mapping (SLAM) มีเซ็นเซอร์ Laser Distance Sensor (LDS) ตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบทิศทางแบบ 360 องศา (เทคโนโลยีเดียวกับรถยนต์ไร้คนขับ) ใช้งานได้ยาวนานกับแบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 14.4V / 5200mAh ทำงานต่อเนื่อง 2.5 ชั่วโมง และวิ่งกลับไปชาร์จเองได้เมื่อแบตใกล้หมด
ทำงานร่วมกับ Mi Home App สะดวกสะบายสำหรับการเชื่อมต่อและสามารถรับรู้หรือติดตามการทำงานแบบ real-time ได้ สามารถตั้งเวลาในการทำงาน/ปรับตั้งค่าต่างๆ และเก็บประวัติการทำงานผ่านสมาร์ทโฟนได้เลยครับ
เดี๋ยวเราไปดูการใช้งานกัน ว่าจะมีอะไรพิเศษบ้าง
SPEC Mi Robot Vacuum
- Laser Distance Sensor (LDS) ตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบตัว (360 องศา) และ สแกนได้ 1,800 รอบต่อวินาที
- Sensor มีทั้งหมด 12 เซ็นเซอร์ที่แตกต่างกัน ที่ช่วยในการทำงาน
- อัลกอริทึม Simultaneous Localization and Mapping (SLAM) คำนวนเส้นทางสำหรับการทำความสะอาดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
- แบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 14.4V / 5200mAh ทำงานต่อเนื่อง 2.5 ชั่วโมง
- ตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นกลับมาชาร์จไฟด้วยตัวมันเอง หลังจากทำงานเสร็จ หรือในช่วงที่ทำงานอยู่แบตเหลือน้อยกว่า 20% ก็จะกลับมาชาร์จจนถึง 80% แล้วกลับมาทำงานต่อจนเสร็จ
- แบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 14.4V / 5200mAh ทำงานต่อเนื่อง 2.5 ชั่วโมง
- Wifi : 802.11b / g / n (2.4GHz Wi-Fi)
- ขนาด 34.5 * 34.5 * 9.6 cm. น้ำหนัก 3.8 กิโลกรัม
วัสดุและการออกแบบดีไซน์
อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีตัวหุ่นยนต์ / ที่ชาร์จไฟ / สายไฟ / แปลงทำความสะอาด และคู่มือการใช้งาน
ตัวกล่องชาร์จไฟจะมีที่เก็บสายให้ดูเรียบร้อย
Charging Dock
- ขนาด 23 * 10.9 * 12.9 cm.
- กำลังไฟ 55W.
- Input : 100—240V
- Output : 20V 2.2A
- ค่าความถี่ : 50 / 60Hz
ตัวหุ่นวัสดุจะเป็นพลาสติก ABS สามารถถอดและประกอบเองได้ง่าย โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ
พัดลมดูดอากาศสามารถให้ความเร็วสูงสุด 1800Pa และ มอเตอร์ Nidec brushless DC สามารถปรับความเร็วได้ 4 ระดับ เสียงผ่านตัวเครื่องถือว่าเสียงเงียบมากเมื่อเทียบกับหลายๆค่าย
เมื่อยกฝาครอบขึ้นก็จะเจอกับช่องเก็บฝุ่น สามารถยกถอดออกมาได้ง่ายๆโดยใช้สองนิ้วกดด้านข้างแล้วยกขึ้น
ถังเก็บฝุ่น หรือ Dust Bin ขนาด 0.42 ลิตร อาจจะดูเล็กไปนะ แต่ก็อย่างว่าแหล่ะมันคือกล่องเก็บฝุ่นเท่านั้น พยายามถาดมาทำความสะอาดบ่อยๆแทน ฝุ่นจะได้ไม่เต็ม และตัวหุ่นจะได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ อุปกรณ์สามารถซื้อมาสับเปลี่ยนได้นะครับ
ถัดลงมาจากช่องเก็บฝุ่นก็จะเจอกับปุ่มควบคุมการทำงาน(จริงๆสั่งผ่านหน้าจอมือถือได้เกือบหมดนะ) จะมีปุ่ม Home และปุ่ม Power
มาสำรวจชุดทำความสะอาดกันก่อน หงายท้องหุ่นขึ้นจะเจอกับแปลง หัวแปลงแบบไดนามิก หมุนได้เร็วสูงสุด 330 spins/วินาที
แปรงกวาดสามารถถอดมาทำความสะอาดได้เช่นกันนะครับ จำหวีทำความสะอาดก่อนหน้านี้ได้ไหม นั้นหล่ะคือหวีตัวแปลงทำความสะอาดมัน อุปกรณ์พวกนี้จะมีจำหน่ายเพิ่มที่ช็อปนะครับ กรณีที่เสื่อมอายุหรือสกปรกมากๆ
อุปกรณ์ทั้งหมดเมื่อหงายหุ่นก็จะมี แปลงปัดด้านข้าง / แปลงเก็บกวาด / ล้อหลักคู่และล้อหน้าหนึ่ง / เซ็นเซอร์ป้องกันการตกจากที่สูง
สำรวจกันครบแล้ว เริ่มกลับมาใช้งานกันดีกว่า เริ่มแรกก็โหลด Application ของ Mi Home App เข้ามาที่ตัวสมาร์ทโฟนครับ ทำการซิ้งค์ตัวสมาร์ทโฟนเข้ากับหุ่นยนต์โดยผ่านไวไฟ รองรับทั้ง iOS และ Android และต้องสมัคร Account ให้เรียบร้อยด้วยนะ เมื่อสมาร์ทโฟนมองเห็นหุ่นยนต์ก็กดปุ่มที่ตัวหุ่นค้างไว้ เชื่อมต่อเสร็จมันจะบังคับให้อัพเดทเฟริมแวย์ก็ปล่อยให้มันอัพเดทจนเสร็จ
ซิ้งค์ตัวหุ่นยนต์เสร็จเรียบร้อยพร้อมใช้งาน ตัวหุ่นมันก็จะวิ่งชนไปตามผนังต่างๆของบ้าน เพื่อการวดแผนที่ ช่วงแรกๆจะดูเหมือนมันวิ่งมั่วๆหน่อย ปล่อยมันไปครับ ใช้เวลาซักพักขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ทำความสะอาดด้วย เดี๋ยวมันจะวิเคราะห์และเขียนแผนที่ของมันเอง เราสามารถดูการทำงานแบบ real-time ได้เลยผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน
หน้าตาของ Application ขณะใช้งาน เราจะปล่อยให้มันทำงานแบบอัตโนมัติหรือบังคับเองก็ได้นะ หน้าจอมันจะแสดงเวลาที่ใช้ทำความสะอาด พื้นที่โดยประมาณ รวมไปถึงดู Log ย้อนหลังได้
หน้า Application จะสามารถปรับความเร็วของพัดลมดูดอากาศได้ 4 ระดับ คือ Silent / Balanced / Full / MAX
ปรับระดับเสียงการทำงาน / ตั้งเวลาการทำงาน / การแจ้งเตือนต่างๆได้หมด
สรุป
หลังจากได้ทดลองใช้งานหุ่นยนต์ทำความสะอาด Mi Robot Vacuum โดยปกติผมเป็นคนที่ใช้สินค้าของ MI อยู่แล้ว เมื่อเพิ่มอุปกรณ์เข้ามาอีกตัว การใช้งานผ่าน Application ก็จะง่ายหน่อย เพราะเปิดแค่แอ๊พเดียวสามารถรับรู้การทำงานแทบจะทั้งบ้าน
Mi Robot Vacuum ทำงานได้ฉลาด ตั้งแต่การเขียนแผนที่ก่อนการทำงาน ไม่วิ่งมั่ว ทำให้ร่นระยะเวลาทำความสะอาดไปในตัวและทำความสะอาดได้เต็มประสิทธิภาพเต็มพื้นที่ ทำงานเสร็จเร็วและสะอาดจริง ความฉลาดอีกอย่างคือมันสามารถวิเคราะห์แบตในตัวของมันเองได้ว่าจะสามารถทำความสะอาดจนจบหรือหมดกลางทางหรือเปล่า ถ้าใกล้จะหมดมันก็จะวิ่งไปหาที่ชาร์จเอง ชาร์จเสร็จมันก็จะมาเริ่มจากจุดที่พักก่อนหน้านี้จนเสร็จงาน สามารถตั้งเวลาทำงานของแต่ละวันได้ สำหรับค่าตัว 12,990 บาท ถือว่าราคาถูกมากเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ
You must be logged in to post a comment.