นานๆ ทีจะได้มีโอกาสเขียนบทความให้ความรู้ เพราะช่วงนี้ผมมีภารกิจค่อนข้างเยอะ เอาล่ะวันนี้เรื่องที่ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักนั่นคือ ความแตกต่างของจอคอมพิวเตอร์ LCD ประเภทต่างๆ ที่มีในปัจจุบัน ว่าแต่ละประเภทจะมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง
มุมมอง
ขออนุญาตข้ามในส่วนของหลักการทำงาน ของจอแต่ละประเภทไปเลยนะครับ เรามาดูในเรื่องมุมมอง หรือ View Angle ของจอกันเลยดีกว่าว่ามันมีความแตกต่างกันอย่างไร
สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างของจอ TN, VA และ IPS คือเรื่องมุมมองของภายในแต่ละทิศ โดยจอ TN จะมีมุมมองแคบที่สุด ตามทฤษฎีคือ 170/160 องศา แต่พอใช้งานจริงแล้วอาจจะได้น้อยกว่านี้ แม้จอ TN รุ่นท็อปจะมีมุมมองที่ใกล้เคียงกับทฤษฎี แต่มันก็ยังแย่กว่า VA และ IPS อยู่ดี
VA อยู่ระหว่างกลาง มุมมองดีขึ้นกว่า TN แต่ยังสู้ IPS ไม่ได้นะครับ โดยที่ IPS จะมีมุมมองได้สูงสุดอยู่ที่ 178/178 องศา และไม่ค่อยเกิดการเปลี่ยนแปลงของสี เมื่อเปลี่ยนแปลงมุมมอง หากใช้งานในชีวิตจริง ดังนั้น ใครที่ต้องใช้จอทำงาน โดยเน้นความแม่นยำของสีเป็นอย่างมาก IPS จะเหมาะที่สุดครับ
ความสว่างและความเข้มของสี
ในเรื่องของความสว่างนั้น จอทั้งสามประเภทจะไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ Contrast ratio คืออัตราความต่างของสีขาวที่สุดและดำที่สุด ถ้ายิ่งค่าสูงขึ้น สีดำก็จะดำสนิทมากขึ้น สีจัดมากขึ้น
TN และ IPS จะมี Contrast ratio ใกล้เคียงกันคือราวๆ 1000:1 (แม้ว่า IPS จะดันได้มากกว่านี้อีกเล็กน้อย แต่ภาพรวมขอเหมาว่ามันเท่าๆ กัน) นอกจากนี้ ในจอ IPS เราจะพบสิ่งที่เรียกว่า IPS Glow ซึ่งเป็นแสงสีขาวที่ฉาบเหนือส่วนสีดำของภาพบนจอ (คนที่ใช้ IPS น่าจะทราบกันอยู่นะครับ) ทำให้ความเข้มของสีลดลงไปอีกนั่นเองครับ
แต่ไม่มีใครจะสามารถเทียบความสดของ VA ได้เลย เนื่องจากจอ VA ระดับล่าง สามารถมี Contrast ratio ได้สูงถึง 2000:1 ในขณะที่รุ่นท็อป สามารถดันได้ถึง 4500:1 หากใครต้องการจอที่สีชัดๆ สีดำต้องดำสนิท ขอแนะนำจอ VA เลยครับ (อย่าลืมว่าต้องมองจอตรงๆ นะ เพราะมุมมองด้านข้างจะทำให้สีเพี้ยน)
คุณภาพของสี
คุณภาพของสีเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญ โดยจะขอแบ่งการพิจารณาคุณภาพเป็น 2 กลุ่ม คือการแยกความแตกต่างของสี (Color depth) และความกว้างของช่วงสี (Color gamut)
อันดับแรก ใครที่อยากได้จอสีสวยๆ ขอให้ตัดจอ TN ออกได้เลย เพราะโดยทั่วไปแล้ว มันมี Color depth อยู่ที่ 6-bit เท่านั้น ทำให้การแยกความแตกต่างของสีในจอ TN จะแคบกว่าจอ VA และ IPS แม้จอรุ่นแพงๆ จะสามารถเพิ่มความแตกต่างได้ถึง 8-bit แต่ก็อย่างที่ผมบอก มันเหมือนการบีบบังคับให้จอทำได้ มองดูแล้วยังไงก็สวยสู้ VA และ IPS ไม่ได้นั่นเอง
ในขณะที่จอ VA และ IPS จะมีค่าความต่างของสีอยู่ที่ 8-bit (รุ่นที่มีราคาถูก บาครั้งเราจะเห็นว่ามันมีค่า 6-bit ได้เหมือนกัน) มันจึงกลายเป็นตัวเลือกสำหรับเหล่าเกมเมอร์ที่ชอบภาพสวยๆ ทั้งนี้ จอ IPS ยังสามารถอัปได้ถึง 10-bit ส่วนจอ VA มีน้อยมากที่จะทำรูปแบบ 10-bit ออกมา ดังนั้น IPS จึงเป็นผู้ชนะในเรื่องนี้ครับ
Color Gamut
มาต่อกันที่เรื่องความกว้างของช่วงสี ยิ่งค่าสีกว้าง เราก็จะมองเห็นสีได้หลากหลายขึ้น สำหรับจอ IPS และ VA นั้นดีกว่าแน่นอน ส่วน TN จะจำกัดอยู่ในช่วงของ sRGB เท่านั้น ที่แย่กว่าคือถ้าเป็น TN รุ่นล่างๆ ยังครอบคลุมไม่ได้หมดในช่วง sRGB เสียด้วยซ้ำ
จอ VA คลุม sRGB ตั้งแต่เริ่มต้นเลยครับ และยังสามารถดันได้สูงขึ้นอีก ยกตัวอย่างจอ Quantum dot ของ SAMSUNG จะมีช่วงสีอยู่ที่ 125% sRGB หรือ 90% DCI-P3
สุดท้ายจอ IPS อันนี้มีตั้งแต่ 95% sRGB ไปจนถึง 95% DCI-P3 แต่ก็ยังยากที่จะเห็นจอ IPS คลุมได้ถึงระดับ full DCI-P3 และ Adobe RGB ซึ่งถ้านำมาใช้เล่นเกม คงจะยิ่งเห็นได้น้อยไปอีกนะครับ เอาเป็นว่าในเรื่องความกว้างของช่วงนี้ IPS ยังคงยืนหนึ่ง
Refresh rate
เห็นบ่นให้ TN มาเยอะ ว่าแย่ๆๆ ในเรื่องของสี แต่สำหรับ Refresh rate แล้ว จอ TN ไม่เป็นรองใครแน่นอนครับ เพราะมันเป็นข้อได้เปรียบของจอประเภทนี้เลย
จอ TN เป็นพาเนลเดียวที่สามารถดันได้ถึง 240 Hz บนความละเอียด 1080p และ 1440p ในขณะที่จอ VA สุดที่ 200 Hz (แต่จอ VA 16:9 ส่วนใหญ่จะไปสุดที่ 165 Hz) ส่วนจอ IPS เนี่ยสอบตกในเรื่องนี้ไป เพราะรุ่นท็อปจริงๆ ดันได้ 165 Hz ยิ่งจอกลุ่มโปร ที่ต้องการความละเอียดสูง จะเห็นว่ามีค่า Refresh rate อยู่ที่ 60-75 Hz เท่านั้นเอง แม้ว่าจอ IPS 1080p จาก LG ที่มี Refresh rate 240 Hz กำลังอยู่ในขั้นพัฒนา แต่ก็ถือว่ามันยังไม่มีอยู่จริงในตอนนี้ครับ
Response time
ข้อได้เปรียบอีก 1 จุดของจอ TN คือเรื่อง Response time ตัวเทพๆ สามารถตอบสนองได้เร็ว 1ms หรือเร็วกว่านั้นอีก ในขณะที่รุ่นล่างๆ ก็ไม่ได้ช้าเกิน 5ms ทำเอา IPS และ VA เทียบไม่ติดเลยทีเดียว
ทางด้าน IPS และ VA นี่แย่พอๆ กัน ถ้าเป็นจอ IPS รุ่นท็อปหน่อย จะเร็วสุดได้ 4ms รุ่นทั่วไปจะอยู่ในช่วง 5-7 ms แต่ถ้ารุ่นล่างๆ นี่หลุดโลกเลยครับ อาจลงได้มากถึง 10ms หรือเยอะกว่านั้น
VA รู้สึกจะรับกรรมมากที่สุดแล้ว เร็วสุดได้ 5-6 ms จอรุ่นทั่วไปจะอยู่ที่ 8-10 ms แต่ทีนี้การประเมินอาจได้ผลแตกต่างกันไปนะครับ ส่วนใหญ่เขาจะใช้มาตรฐาน Grey-to-Grey ทีนี้การทดสอบบางแบบ จอ VA อาจได้ค่า Response time ที่ดีขึ้น แต่ในบางการทดสอบอาจได้ผลลัพธ์ที่แย่จนต้องตะลึงเลยล่ะ
สรุปสุดท้าย
ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเทคโนโลยีไหนดีที่สุดนะ เพราะมันขึ้นอยู่กับการนำไปใช้งาน แต่ผมจะขอสรุปคร่าวๆ สำหรับการนำไปเลือกซื้อจอมอนิเตอร์
TN: ภาพและสีแย่สุด แต่ได้เปรียบในเรื่องของการตอบสนอง และอัตรารีเฟรช เหมาะกับการเล่นเกมที่เน้นการเปลี่ยนฉากไวๆ โดยเฉพาะเกม Online, Battle Royale, FPS, MOBA
IPS: สีสวยสุด ได้เปรียบในด้านการทำงานกับสีที่ต้องการแยกความแตกต่างอย่างชัดเจน จึงเหมาะกับการทำงาน Photoshop หรือการเล่นเกมที่มีเอฟเฟคสวยๆ โดยไม่ต้องการ FPS ที่สูงมากนัก (อาจนำไปใช้เล่นเกม Online, Battle Royale, FPS, MOBA ในกรณีที่ทุ่มงบซื้อ IPS ที่มี Hz สูงๆ จะได้จุดเด่นในเรื่องสีสวยเข้ามาด้วย)
VA: ผมให้ในระดับกลางๆ คอนทราสต์ดีสุด สีดำจะดำสนิทที่สุด เหมาะกับการดูหนัง หรือเล่นเกมเนื้อเรื่องสำหรับบางคนที่ต้องการดื่มด่ำกับเนื้อหาของเกม แต่สำหรับการเล่นเกม Online, Battle Royale, FPS, MOBA อาจจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไรนัก
ใครใช้จอแบบไหน ใช้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง สามารถแสดงความเห็นได้ใต้โพสต์บนเพจ Extreme IT ได้เลยนะครับ (ใช้คำสุภาพนิดนึงนะ เค้ากลัว) แล้วเดี๋ยวครั้งหน้าผมจะนำเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อะไรมานำเสนอีก อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ สวัสดีครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Techspot
You must be logged in to post a comment.