หลังจากที่เราได้เห็นผลทดสอบการเล่นเกมของ Ryzen 7 5800X3D แล้ว ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า ระหว่างแคชเยอะกับแกนประมวลผลเยอะ (Core) อันไหนมีผลต่อการเล่นเกมมากกว่ากัน วันนี้แอดมีข้อมูลจาก Techspot มาให้ได้ชมกันครับ
การทดสอบจาก Techspot ใช้ซีพียู Intel Gen 10 ในการทดสอบ โดยแบ่งเป็น Core i5-10600K, Core i7-10700K และ Core i9-10900K ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีแคช L3 ที่แตกต่างกัน ได้แก่ 12MB, 16MB และ 20MB ตามลำดับ จึงเหมาะมากในการทดสอบความสำคัญของแคชในการเล่นเกมครับ
เพื่อไม่ให้เกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบกัน ซีพียูทั้ง 3 รุ่นจะถูกปรับความเร็วให้เท่ากันที่ 4.5 GHz และใช้ส่วนประกอบอื่น ๆ เหมือนกันทั้งหมด จากนั้นที่เหลือจะเป็นเรื่องการปรับแกนประมวลผลให้แตกต่างกันไปครับ
เกมที่พึ่งพากำลังของซีพียู “มากกว่า”
เกมข้างต้นนี้จะเป็นเกมที่ใช้ซีพียูในการช่วยประมวลผลค่อนข้างมาก ที่เห็นได้ชัด คือ เกมแรกสุด Tom Clancy’s Rainbow Six Seige เพื่อน ๆ ลองสังเกตที่เฟรมเรตเมื่อปรับแกนประมวลผลเท่ากันที่ 6-Core จะพบว่าซีพียูที่มีแคชมากกว่าจะได้เฟรมเรตสูงกว่า แม้กระทั่งเมื่อนำ Core i9-10900K ที่ปรับให้เหลือ 6-Core ยังแรง Core i7-10700K ที่มี 8-Core เพราะว่าแคชของ Core i9 เยอะกว่านั่นเองครับ
เกมที่พึ่งพากำลังของซีพียู “น้อยกว่า”
ส่วนกรณีนี้จะเป็นเกมที่ดึงทรัพยากรของซีพียูมาใช้น้อยกว่า โดยจะเน้นหนักไปที่การ์ดจอเป็นส่วนใหญ่ จึงจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเพิ่มแคชหรือเพิ่มแกนประมวลผล แต่เฟรมเรตจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก กล่าวได้ว่าเกมเหล่านี้ถ้าอยากเพิ่มเฟรมเรตก็ควรจะเพิ่มการ์ดจอเป็นหลักมากกว่าครับ
ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่าสำหรับซีพียู Intel นั้นถือว่าจัดแคชมาให้แบบสมส่วน ในที่นี้หมายถึง ถ้าเลือกซื้อซีพียูที่แกนเยอะขึ้น เช่น จาก Core i5 เปลี่ยนไปใช้ Core i9 นอกจากได้แกนประมวลผลเพิ่มขึ้นแล้วเราก็จะได้แคชเยอะขึ้นด้วย
แล้ว AMD เป็นอย่างไร?
ผลทดสอบการเล่นเกมของซีพียู Ryzen 5000 Series จะเห็นว่าในแต่ละรุ่นมีประสิทธิภาพไม่แตกต่างกันสักเท่าไรนัก ขนาดที่ว่า Ryzen 5 5600X แรงน้อยกว่า Ryzen 9 5950X เพียง 5% เท่านั้นเอง ซึ่งเหตุผลของเรื่องนี้มีอยู่ว่า AMD จัด L3 แคชใส่ให้ชิปประมวลผล (CCD โดย 1 CCD มี 8-Core) ชิปละ 32MB
แต่เนื่องจากว่าเกมส่วนใหญ่คงไม่ได้ใช้แกนเต็ม ๆ ที่ 16-Core ทำให้กำลังการประมวลผลอาจจะไปกระจุกอยู่ที่แกนประมวลผล 8-Core แรกเสียมากกว่า นั่นจึงทำให้ Ryzen 9 5950X พอเล่นเกมแล้วอาจจะใช้แค่ CCD ชุดแรก จึงเสมือนว่าได้ใช้แคช L3 เพียง 32MB เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ประสิทธิภาพจึงไม่ได้แตกต่างไปจาก Ryzen 5 5600X ที่มีแคช 32MB นั่นเอง
เพิ่มแคชช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม
ซีพียูที่มีแคชเยอะกว่ามีแนวโน้มที่จะเล่นเกมได้ดีกว่า และแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแคชมากกว่าแกนประมวลผลในแง่ของการเล่นเกม ทั้งนี้อย่าลืมว่ามันขึ้นกับตัวเกมด้วยว่าเกมนั้นดึงทรัพยากรซีพียูมาใช้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้น การที่ AMD เพิ่มแคชให้กับซีพียูสถาปัตยกรรมใหม่อย่าง Zen 4 ด้วย 3D V-Cache ก็น่าจะมีผลต่อการเล่นเกมเยอะเลยทีเดียว (จะเห็นได้จากการทดสอบเกมล่าสุดที่ Ryzen 7 5800X3D 8-Core แรงกว่า Core i9-12900KS 16-Core ถึง 16%)
ถึงอย่างนั้น การเพิ่มแคชจะต้องขึ้นอยู่กับสถาปัตยกรรมของซีพียูด้วยนะครับ เป็นต้นว่าแคชที่เพิ่มขึ้นของซีพียูค่ายหนึ่ง จะทำให้แรงกว่าอีกค่ายหนึ่งเสมอไป โครงสร้างภายในของซีพียูยังมีผลต่อการนำแคชไปใช้งานด้วยนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Techspot
You must be logged in to post a comment.