หลังจากที่เราจมอยู่กับ SATA III มานานนับ 10 ปี ล่าสุดมาตรฐานใหม่ NVMe 2.0 เตรียมรองรับฮาร์ดดิสก์ (HDD) ให้สามารถใช้งานอินเตอร์เฟซ NVMe ได้แล้วครับ
จากข้อมูลที่ผมได้ค้นหามา ให้เพื่อน ๆ ลองดูผังด้านล่างประกอบนะครับ คำว่า Protocol ในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลคือมาตรฐานที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการส่งข้อมูล ซึ่งมันมีแบบ NVMe (ขี้เกียจพิมพ์คำเต็ม) และ AHCI เมื่อได้มาตรฐานแล้วก็จะไปเลือก Transmission Method เป็นเส้นทางในการอ่านเขียนข้อมูล และส่วนท้ายคือ Form factor เป็นรูปแบบของพอร์ตที่จะใช้ต่ออุปกรณ์เข้ากับเมนบอร์ด
ยกตัวอย่างให้ง่ายขึ้นอีกนิด Protocol คือภาษา (สมมุติว่ามีไทย อังกฤษ) ส่วน Transmission Method คือรูปแบบภาษา (ทางการ ไม่ทางการ) และสุดท้าย Form factor คือคนพูด เพราะฉะนั้นเวลาเราจะพูดประโยคอะไรออกมา ต้องคิดก่อนว่าจะเลือกภาษาไหน จากนั้นค่อยส่งภาษาออกมาผ่านรูปแบบภาษา แล้วค่อยผ่านออกมาที่ปากผู้พูด
ซึ่ง AHCI ถูกออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์ที่มี Latency สูงอย่าง HDD และมีข้อจำกัดด้านความเร็วในการส่งข้อมูล ทำให้ PCIe SSD จะไม่ใช้ Protocol นี้ แต่จะใช้ NVMe แทน เพราะเหมาะกับอุปกรณ์ที่มี Latency ต่ำอย่าง PCIe SSD มากกว่า (ชุดคำสั่งการทำงานของ NVMe เร็วกว่า AHCI 2 เท่า และจำนวนการเข้าออกของคำสั่งยังทำได้มากกว่า AHCI ถึง 900% แต่ปัจจุบัน SATA SSD ยังใช้ AHCI Protocol อยู่นะ)
แต่การใช้ AHCI ของ HDD ก็เสมือนจุดด้อยเพราะมันทำให้ HDD ทำงานได้ไม่เต็มที่สักเท่าไร แม้จะมีการใส่แคชที่เป็น SSD เพิ่มลงไปก็ยังทำงานได้ไม่เร็วเท่าที่ควรเป็น เพราะฉะนั้นการปรับมาใช้ NVMe 2.0 Protocol ก็อาจช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานของ HDD และอาจทำให้มันเร็วพอ ๆ กับ SATA SSD เลยก็ได้
อย่างไรก็ตา เชื่อว่ายังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าพอร์ต SATA จะเริ่มหายไปจนเหลือแต่การใช้พอร์ตที่เกี่ยวข้องกับ NVMe ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าถ้า HDD ปรับมาใช้ NVMe Protocol แล้วจะต้องเปลี่ยนพอร์ตหรือไม่ แล้วโครงสร้างภายในของ HDD จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หรืออาจจะต้องออกแบบด้วยเทคโนโลยี SEAGATE March.2 หรือเปล่า อันนี้ไว้รอติดตามกันต่อไปครับ
ข้อมูลที่ผมอธิบายมันอาจจะคลาดเคลื่อนได้นะครับ ยังไงถ้าใครมีข้อเสนอแนะสามารถคอมเมนต์มาได้เลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก PCGamer
You must be logged in to post a comment.