เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากทางค่ายนั้นคือ OPPO R17 Pro จุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆที่อัดมาให้เต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลังแบบสามตัว , Super VOOC เทคโนโลยีชาร์จไวที่สุดในโลก , สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และกล้องหน้าความละเอียด 25 MP (f/2.0) Sony IMX 576 เดี๋ยวเราไปดูจุดเด่นพร้อมๆกันว่าจะมีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษอีกบ้างครับ
กล้องหลังสามตัว ที่เน้นถ่ายภาพกลางคืนได้ดีด้วย Ultra Night Mode
รุ่นแรกที่ทางค่ายจับกล้องหลังไว้ด้วยกันถึงสามตัว Triple Camera การทำงานหน้าที่หลักๆ
- กล้อง TOF 3D camera ที่มีความสามารถในการเก็บมิติความลึกของภาพที่มีตวามละเอียดมากกว่าแบบ Dot Projection ทำให้เก็บค่าของระยะวัตถุต่างๆ ได้อย่างละเอียด และมาพร้อมกับระบบลดกันสั่นของภาพแบบ OIS
- กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซลแบบ DualPixel เซ็นเซอร์ Sony IMX 362 ที่ปรับค่ารูรับแสงได้ 2 ระดับ คือ f/1.5 และ f/2.4 (Smart Apeture) พร้อมกันสั่น OIS
- กล้องตัวที่ 3 ใช้สำหรับช่วยในโหมด Portrait ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.6
ความยากของกล้องสมาร์ทโฟนคือ จะทำยังไงให้ทุกคนสามารถใช้กล้องมือถือถ่ายภาพออกมาได้สวยงาม และง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่ทุกคนจะถ่ายออกมาได้สวยเหมือนๆกัน แต่ OPPO R17 Pro สามารถทำให้ได้ เดี๋ยวเราไปดูกันว่าทำไม OPPO R17 Pro ถึงจะสามารถทำให้ทุกคนสามารถถ่ายรูปออกมาได้สวยงามไม่แพ้มืออาชีพ
อย่างที่เกริ่นไว้ OPPO R17 Pro ชูจุดเด่นเรื่องการถ่ายภาพโหมดกลางคืนได้ดีด้วย Ultra Night Mode ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ AI สามารถถ่ายภาพโหมดกลางคืนได้สวยคม แม้ไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องช่วยเพราะมี OIS+Smart Aperture หรือระบบกันสั่น จะช่วยทำให้ทุกคนสามารถถ่ายออกมาได้สวยพอๆกันครับ เรื่องถ่ายภาพโหมดกลางคืนหรือแสงน้อย จะไม่ใช่ปัญหากับมือใหม่อีกต่อไปครับ เพราะ Ultra Night Mode จะจัดการให้ทุกอย่างเอง เพียงยกกล้องขึ้นกดถ่าย รอให้กล้องประมวลผลให้ประมาณ 2-4 วินาที แค่นี้ก็จะได้ภาพสวยๆอวดเพื่อนแล้ว (การทำงานของ AI Ultra-clear engine ที่ช่วยประมวลภาพในระยะเวลา 2-4 วินาที)
ภาพจากการใช้ Ultra Night Mode
หรือใครที่มีความรู้ขึ้นมาอีกหน่อย สามารถเรียนรู้ทิศทางของแสง การใช้โหมด AUTO ถ่ายภาพกลางคืนก็จะได้ภาพที่สวยงามดูสบายตาและเป็นธรรมชาติดีไปอีกแบบ แถมยังไม่ค่อยมี Noise เท่าไหร่ด้วย ส่วนหนึ่งเพราะค่ารูรับแสงของ OPPO R17 Pro ค่ารูรับแสงที่กว้างสุดที่ f/1.5 ช่วยให้ถ่ายภาพกลางคืนหรือแสงน้อย ให้ดียิ่งขึ้น
ภาพจากโหมด AUTO กลางคืน
โหมด Portrait หรือการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ เพิ่มความโดดเด่นให้บุคคลหรืออุปกรณ์ ในโหมด Portrait นั้นมีเอฟเฟกต์แสงให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 6 แบบ
ในส่วนของ AI เราสามารถเปิดหรือปิดได้ สำหรับมือใหม่เน้นใช้งานง่ายแนะนำให้เปิดไว้ครับ เพราะตัวกล้องจะสามารถจำแนกวัตถุหรือสิ่งของ รวมไปถึงสถานที่ต่างๆให้เรา จะช่วยในการปรับสีหรือโฟกัสตัววัตถุในการถ่ายให้เราเองโดยไม่ต้องทำอะไรครับ
AI Scene Recognition สามารถระบุประเภทของภาพได้ถึง23 ชนิดและปรับภาพให้เหมาะสมได้มากกว่า 800 ฉาก
ภาพจากการเปิด AI ใช้ถ่ายสื่งของและสถานที่
กล้องหน้า
ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์Sony IMX576 รูรับแสงf / 2.0 มีชดเชยแสง HDR และเทคโนโลยี AI Beauty Camera สำหรับชุด AI จะจดจำลักษณะใบหน้าด้วยการสแกน 296 จุดบนใบหน้า แล้วจะวิเคราห์องค์ประกอบบนใบหน้าสให้ช่วยการถ่ายเซลฟี่ที่สวยงามดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ประสิทธิภาพการทำงาน(Performance)
OPPO R17 Pro มาพร้อมกับชิปเซต Qualcomm Snapdragon 710 Octa-core 2.2 GHz / GPU Adreno 616 ชิปตัวนี้เป็นรหัสใหม่นะครับ อาจจะไม่แรงเท่าตระกูล 845 แต่สำหรับการใช้งานหรือแม้แต่เล่นเกมส์ ก็สามารถใช้งานได้ดี เล่นเกมส์ลื่นไหลบนหน้าจอความละเอียด FHD+ ครับ และที่สำคัญสำหรับชิปประมวลผลชุดนี้คือ เรื่องการประหยัดพลังงานและทำงานร่วมกับ AI ได้ดียิ่งขึ้น
ทดสอบคะแนนผ่าน antutu
สามารถปรับความละเอียดสูงได้ในเกมส์ PubG นะครับ
หน่วยความจำ RAM LPDDR4x ขนาด 8 GB / หน่วยความจำภายใน UFS2.1 ขนาด 128 GB
รองรับเคลือข่าย
OPPO R17 Pro รองรับ Dual 4G / Dual VoLTE และ VoWiFi ส่วนของ WiFi จะรองรับ 2.4-5.0 GHz
แบตเตอร์รี่
OPPO R17 Pro มากับแบตเตอร์รี่ความจุ 3,700 mAh เบ่งเป็นสองก้อนก้อนละ 1850 mAh และใช้เทคโนโลยี Super VOOC ชาร์จเร็วที่สุดในโลกตอนนี้ครับ หลักการของ Super VOOC คือ ชาร์จด้วยไฟ 5V 5A ไปที่แบตเตอร์รี่ของแต่ละก้อน ซึ่งภายในจะมีทั้งหมดสองก้อนเท่ากับว่าอัดไฟไปที่ 10V 5A การแบ่งกำลังไฟในการประจุจะเป็นข้อดีคือ ตัวแบตไม่ร้อนขณะชาร์จไฟมีความปลอดภัยสูงและยังมีเทคโนโลยี”Five-chip protection” จะคอยตรวจสอบอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับการชาร์จไฟว่าได้มาตราฐานเพียงพอหรือเปล่าเพิ่มความปลอดภัยไปอีกระดับ พอร์ตเป็น USB Type-C แล้วนะครับ
แบตเตอร์รี่ความจุ 3,700 mAh ผมใช้งานหนึ่งวันเต็มๆไม่เคยหมดครับ แบตอึดมากๆ สามารถชาร์จไฟจาก 0-100% เพียง 35-40 นาที หรือตามสโลแกน ชาร์จ 10 นาที ได้ถึง 40%
หน้าจอแสดงผล
OPPO R17 Pro เลือกใช้จอแบบ AMOLED ให้ความสว่างของแสงและความอิ่มของสีที่ดีมากๆ การแสดงผลของหน้าจอสวยงาม ขนาดจอ 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) อัตราส่วน 19.5:9 ติ่งแบบหยดน้ำ Water Drop Screen ทำให้พื้นที่สัดส่วนหน้าจอ(Screen Ratio)ที่มากถึง 91.5% กระจกกันรอยแบบ Gorilla Glass 6
ระบบสแกนลายนิ้วมือผ่านหน้าจอ รองรับ 5 ลายนิ้ว การตอบสนองรวดเร็วและแม่นยำดีครับ และยังมีระบบสแกนใบหน้าเพื่อการปลดล็อคหน้าจอมาให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
ระบบปฎิบัติการ
OPPO R17 Pro มาพร้อมกับ Android8.1 ครอบทับด้วย ColorOS 5.2 การแจ้งเตือนต่างๆทำได้ดี และมีธีมสวยๆไว้ให้โหลดใช้งานปกติ รองรับการใช้งานสองจอ และใช้งานสอง ID ได้เช่นเดิมครับ
วัสดุและการออกแบบ
การออกแบบตัวเครื่องเน้นความโค้งมน ขอบจอทั้งสี่ด้านเหลือพื้นที่น้อยมากๆ ทำให้ขนาดตัวเครื่องเล็กเพียง 157.6 x 74.6 x 7.9 มม. น้ำหนัก 183 กรัม
โดยสีจะมี 2 สีด้วยกัน Emerald Green,Radiant Mist
อุปกรณ์ภายในกล่องจะมี ดังนี้
- ตัวเครื่อง ติดฟิมล์หน้าจอมาให้เรียบร้อย
- ที่ชาร์จ รองรับ Super VOOC
- สายชาร์จ USB Type-C มาตราฐาน Super VOOC
- หูฟังพอร์ต USB Type-C
- เคสซิลิโคนใส
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน
จุดเด่น
- กล้องหลังสามตัวที่มีระบบ Ultra Night Mode ถ่ายกลางคืนได้เทพมากๆ
- ระบบชาร์จเร็ว Super VOOC ที่ชาร์จเร็วมากและมีความปลอดภัยสูง ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 40% ภายใน 10 นาที
- กล้องหน้า 25MP พร้อมด้วยเทคโนโลยี AI Beauty
- ชิปประมวลผล Snapdragon 710 ตัวประหยัดพลังงาน ใช้งานนานๆก็ไม่ร้อน
- หน่วยความจำภายในแบบ UFS 2.1
- หน้าจอ AMOLED แสดงผลได้สวยงาม
- การออกแบบสวยงามดูดีและเลือกใช้วัสดุพรีเมี่ยม ทำให้ฟิลลิ่งในการจับถือใช้งานที่ดี
ข้อสังเกตุ
- ราคาหลายคนอาจจะมองดูสูงไปนิด แนะนำซื้อผ่านโปรฯกับทางเคลือข่ายครับ เหลือเพียงเครื่องละ 9,990 บาทเท่านั้นเอง
- ไม่มีพอร์ตหูฟังแบบ 3.5 มม.
- ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้
- ช่วงที่ผมทดสอบ ซอฟแวย์ยังไม่ใช่ไฟนอลเวอร์ชั่น จะอัพเดทเวอร์ชั่นเต็มให้ก่อนวางขาย ในโหมดกล้องหน้าและ TOF 3D Camera ขอค้างไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะกลับมารีวิวให้ชมอีกครั้ง เน้นเฉพาะกล้องและงานวีดีโอเป็นหลักให้อีกที
เพิ่มเติม ช่วงนี้รับพรีออเดอร์จนถึงสิ้นเดือน และเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ครับ
You must be logged in to post a comment.