วีเอ็มแวร์เผยนวัตกรรมสุดล้ำบนแพลตฟอร์ม Workspace ONE
หวังช่วยให้องค์กรทรานส์ฟอร์มธุรกิจและขยายกิจการให้เติบโตขึ้น
- ครั้งแรกกับบริการอำนวยความสะดวกแบบดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เสริมสร้างประสบการณ์ให้กับบุคลากรขององค์กรตั้งแต่กระบวนการจัดจ้างจนถึงเกษียณ
- ระบบจัดการที่ทันสมัย ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust และนวัตกรรม VDI แบบมัลติคลาวด์ เสริมศักยภาพฝ่ายไอที ตอบโจทย์ความต้องการของบุคลากรคนรุ่นใหม่
กรุงเทพฯ – 2 กันยายน 2562 – VMware, Inc. (NYSE: VMW) เปิดตัวนวัตกรรมเพื่อแพลตฟอร์มพื้นที่ทำงานดิจิทัล VMware Workspace ONE ในวันนี้ หวังช่วยให้องค์กรเข้าถึงพนักงาน ตั้งแต่วันที่พนักงานลงนามในสัญญาจ้างงาน เพื่อปลดล็อคสร้างประสิทธิภาพเพิ่ม สร้างความก้าวหน้า และเปลี่ยนธุรกิจของพวกเขา นวัตกรรมการจัดการความปลอดภัยและนวัตกรรม VDI แบบหลายคลาวด์สมัยใหม่จะช่วยให้ทีมไอทีใช้ประโยชน์จากพลังของระบบอัตโนมัติเพื่อจัดการและรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นใด ๆ บนคลาวด์ใด ๆ ที่ส่งไปยังอุปกรณ์ใดก็ได้
ชานการ์ ไอเยอร์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายระบบประมวลผล วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า “การทำให้พนักงานมีประสบการณ์ร่วม ตั้งแต่ขั้นตอนการว่าจ้างเรื่อยไปจนถึงการเกษียณ คือหัวใจสำคัญสำหรับการออกแบบพื้นที่ทำงานดิจิทัลของทุกบริษัท และมีความสำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จในการปรับปรุงบุคลากร Workspace ONE จะช่วยให้ฝ่ายไอทีเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับพนักงานเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็น ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงการด้านระบบการจัดการที่ทันสมัยและการรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust ขององค์กร”
Workspace ONE นำเสนอบริการอำนวนความสะดวกในการสร้างประสบการณ์เฉพาะและสะดวกกับพนักงาน
วีเอ็มแวร์บุกเบิกแนวทางใหม่เพื่อช่วยให้ฝ่ายไอที (IT) และฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) สามารถสร้างประสบการณ์การเริ่มทำงานวันแรกในรูปแบบใหม่สำหรับพนักงาน ด้วยการเปิดตัวบริการอำนวยความสะดวกแบบดิจิทัล (Digital Concierge Services) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยระบบงานอัตโนมัติของแพลตฟอร์ม Workspace ONE และการบูรณาการเข้ากับระบบต่างๆ ของพันธมิตร อาทิ
Workspace ONE Intelligent Hub – แผงควบคุมส่วนกลางที่พนักงานใช้ในการเข้าถึงแอปฯ เวิร์กโฟลว์ และการแจ้งเตือน และติดต่อกับเพื่อนร่วมงานอย่างปลอดภัย ประกอบด้วยผู้ช่วยเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี IBM Watson Assistant ซึ่งสามารถพูดคุยโต้ตอบกับผู้ใช้ โดยอาศัยการประมวลผลภาษาพูด (Natural Language Processing – NLP) หรือข้อความ Workspace ONE เป็นแพลตฟอร์มพื้นที่ทำงานดิจิทัลแพลตฟอร์มแรกที่ผนวกรวมระบบผู้ช่วยเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
บริการอำนวยความสะดวกแบบดิจิทัล Workspace ONE Intelligent Hub Virtual Assistant จะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ IT และ HR เช่น การจัดซื้อและการลงทะเบียนอุปกรณ์ใหม่ การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโปรไฟล์ Wi-Fi การเปิดและจัดการใบสั่งงานสำหรับบริการช่วยเหลือ และการลงทะเบียนสวัสดิการ นอกจากนี้ พนักงานจะสามารถใช้ Virtual Assistant เพื่อเข้าถึงทรัพยากรที่เฉพาะเจาะจงขององค์กร เช่น นโยบายของบริษัท สถานที่ตั้งของสำนักงาน และแผนผังของที่นั่ง รวมไปถึงกระบวนการอื่นๆ ของบริษัทและทีมงาน
นอกจากนี้ วีเอ็มแวร์ยังได้ยกระดับประสิทธิภาพของ Workspace ONE Intelligent Hub ด้วยการผนวกรวม Mobile Flows เพื่อรองรับแอปพลิเคชันด้าน HR, ธุรกิจ และการจัดการบริการด้านไอที (IT Service Management – ITSM) เช่น การผนวกกับ Atlassian Jira Service Desk ช่วยให้สามารถจัดส่งข้อมูลใบสั่งงานบริการและข้อมูลอัพเดตไปยัง Intelligent Hub ได้อย่างไร้รอยต่อ การผนวกรวมระบบดังกล่าวเป็นการพัฒนาต่อยอดจากเวิร์กโฟลว์แบบคลิกเดียวที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มนี้ซึ่งรองรับระบบของพาร์ทเนอร์หลายราย เช่น Salesforce, Coupa, SAP Concur และอื่นๆ
การจัดการประสบการณ์ดิจิทัลสำหรับพนักงานบนโมบายล์และเดสก์ท็อปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ จัดการและตรวจวัดคุณประโยชน์ที่พนักงานได้รับ วีเอ็มแวร์เปิดพรีวิวด้านเทคนิคสำหรับ Digital Employee Experience Management ซึ่งเป็นบริการใหม่บน Workspace ONE Intelligence ที่จะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถตรวจสอบเชิงรุกและแก้ไขปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของพนักงาน โดยครอบคลุมทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์ ระบบปฏิบัติการ และแอปพลิเคชัน โดยอ้างอิงข้อมูลการตรวจวัดแบบเรียลไทม์จากสภาพแวดล้อมพื้นที่ทำงานดิจิทัลของพนักงาน ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ผสานรวมเข้าด้วยกันของ Workspace ONE UEM, Workspace ONE Intelligence และ Aptelligent บริการ Digital Employee Experience Management จึงนับเป็นโซลูชั่นเพียงหนึ่งเดียวที่สนับสนุนการทำงานของฝ่ายไอทีด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวบนแพลตฟอร์มทั้งแบบโมบายล์และเดสก์ท็อปสำหรับการแก้ไขปัญหาโดยอัตโนมัติ
เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับอุปกรณ์ของพนักงาน ฝ่ายไอทีจะต้องสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเพื่อลดระยะเวลาหยุดทำงาน และด้วยเหตุนี้ วีเอ็มแวร์จึงขยายศักยภาพ Workspace ONE Assist (เดิมใช้ชื่อว่า Workspace ONE Advanced Remote Management) เพื่อให้มีความสามารถด้านบริการซัพพอร์ตระยะไกลสำหรับอุปกรณ์ Windows และ macOS ของพนักงาน นอกเหนือไปจากรายการอุปกรณ์ที่รองรับอยู่แล้วในปัจจุบันสำหรับ Workspace ONE Assist ซึ่งครอบคลุมถึงอุปกรณ์ iOS, Android, Windows CE และอุปกรณ์ที่ทนทานเป็นพิเศษ ผู้ดูแลระบบจะสามารถปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงาน ด้วยการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาของผู้ใช้ผ่านการเชื่อมต่อระยะไกลบนแพลตฟอร์มโมบายล์และพีซี เพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้งภายในเวลาอันรวดเร็ว
ผู้นำด้านระบบจัดการที่ทันสมัย ครอบคลุมอุปกรณ์และแพลตฟอร์มที่หลากหลายมากกว่า
Workspace ONE ยังคงนำเสนอการสนับสนุนอุปกรณ์และแพลตฟอร์ม OS ที่หลากหลายที่สุด รวมถึงชุดฟีเจอร์ที่เจาะลึกที่สุด เพื่อรองรับการจัดการอุปกรณ์ปลายทางแบบครบวงจร (Unified Endpoint Management – UEM) ลูกค้าจัดการอุปกรณ์อุปกรณ์พกพาที่ทนทาน และ IoT กว่าสิบล้านเครื่องโดยใช้ Workspace ONE วีเอ็มแวร์เตรียมที่จะเปิดตัวนวัตกรรม อีกหลายรายการ รวมถึงการบูรณาการเข้ากับระบบนิเวศน์ที่กว้างขวาง เพื่อขยายขีดความสามารถของ Workspace ONE บนทุกแพลตฟอร์ม
Windows 10: ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 Workspace ONE รองรับการจัดการอุปกรณ์ Win10 เครื่องใหม่กว่า 1 ล้านเครื่อง ส่งผลให้ Windows 10 กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตเร็วที่สุดของเรา และวีเอ็มแวร์ยังคงขยายการสนับสนุนสำหรับการจัดการที่ทันสมัยของ Windows 10 ด้วยการเปิดตัวเครื่องมือ AirLift สำหรับการโยกย้ายระบบ เพื่อช่วยให้ลูกค้าเร่งการเปลี่ยนย้ายไปสู่ Windows 10 ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการสนับสนุนการโยกย้ายคอลเลกชั่น Microsoft System Center ConfigManager (SCCM), อุปกรณ์ และแอปพลิเคชันแล้ว เครื่องมือดังกล่าวยังดำเนินกระบวนการอัตโนมัติสำหรับการโยกย้าย Group Policy Object (GPO) จาก SCCM ไปยัง Workspace ONE
นอกจากนี้ Workspace ONE ยังได้เพิ่มอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับการจัดการ Windows 10 โดยใช้ Workspace ONE Enterprise App Catalog ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมสำหรับฝ่ายไอทีในการจัดซื้อแอปต่างๆ หลายร้อยแอป ทั้งแบบที่ใช้งานทั่วไป แบบแพ็คเกจสำเร็จรูป และแบบปรับแต่งตามความต้องการ ซึ่งพร้อมสำหรับการติดตั้งให้แก่ผู้ใช้ แอปเหล่านี้มีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอและได้รับการทดสอบเบื้องต้น เพื่อให้ติดตั้งใช้งานได้อย่างเหมาะสม ตอนนี้ฝ่ายไอทีจะใช้เวลาน้อยลงในการจัดทำแพ็คเกจ ทดสอบ และอัพเดตแอปต่างๆ และมีเวลามากขึ้นในการนำเสนอบริการด้านประสบการณ์อย่างที่พนักงานต้องการ
เดลล์ เทคโนโลยีส์: Dell Technologies Unified Workspace ซึ่งได้รับการเปิดตัวที่งาน Dell Technologies World 2019 ผนวกรวม Workspace ONE บนอุปกรณ์และบริการต่างๆ ของเดลล์ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ฝ่ายไอทีในการจัดการอุปกรณ์ตลอดอายุการใช้งาน และช่วยให้พนักงานได้รับประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลที่ราบรื่นและพร้อมสำหรับการทำงาน และวันนี้ เดลล์ เทคโนโลยีส์ และวีเอ็มแวร์ ได้เปิดตัวความสามารถใหม่ๆ ของโซลูชั่นดังต่อไปนี้:
- Unified Workspace รองรับอุปกรณ์ Dell Latitude Chromebook Enterprise รุ่นล่าสุด ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถใช้ Workspace ONE UEM ในการติดตั้งแอปและนโยบายให้กับ Chromebook สำหรับใช้งานในองค์กร ควบคู่ไปกับอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งหมด
- Workspace ONE ผนวกรวมเข้ากับ Dell SafeBIOS เพื่อรองรับการตรวจสอบสถานะของ BIOS อย่างต่อเนื่องตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด และสามารถดำเนินการแก้ไขโดยอัตโนมัติ
- Unified Workspace จะสามารถใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะ persistence ของเอเจนต์ Workspace ONE เพื่อช่วยฝ่ายไอทีสามารถติดตามอุปกรณ์ที่สูญหายหรือถูกโจรกรรม แม้กระทั่งในกรณีที่เอเจนต์ดังกล่าวถูกถอนการติดตั้ง
แอปเปิล (Apple): Workspace ONE จัดการอุปกรณ์ของแอปเปิลหลายสิบล้านเครื่องในปัจจุบัน และยังคงนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องสำหรับ Mac, iPhone และ iPad และล่าสุดวีเอ็มแวร์ได้เปิดตัวความสามารถใหม่ๆ สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS, iPadOS และ macOS Catalina ดังต่อไปนี้:
- การสนับสนุนระบบปฏิบัติการ iOS 13 และ iPadOS จะเริ่มเปิดให้ใช้งานได้ในช่วงปลายปีนี้ รวมไปถึงรุ่นที่รองรับผู้ที่เริ่มต้นใช้งาน รองรับอุปกรณ์ส่วนตัว (BYOD) กับแอปพลิเคชันและบริการทางด้านธุรกิจ โดยไม่จำเป็นต้องดำเนินการจัดการทั้งหมดสำหรับอุปกรณ์ดังกล่าว
- Workspace ONE รองรับการอัพเดตซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยสำหรับอุปกรณ์ของแอปเปิล โดยให้การควบคุมที่ละเอียดมากสำหรับอัพเดตหลักและอัพเดตย่อยทั้งหมดของ iOS และ macOS โดยมีเวิร์กโฟลว์การอนุมัติที่ปรับแต่งได้ตามต้องการ เพื่อรองรับการเผยแพร่ ระงับ หรือเลื่อนการอัพเดตตามโปรไฟล์ความเสี่ยงของบริษัทที่กำหนดไว้สำหรับการเผยแพร่อัพเดต OS
- เอนจิ้นการเขียนสคริปต์และการจัดลำดับของ macOS ช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถปรับแต่ง OS ติดตั้งแอป แก้ไขระบบ และเผยแพร่สคริปต์เหล่านี้ให้แก่ผู้ใช้ในรูปแบบของการบริการตนเอง
- การจัดการวงจรการใช้งานการเข้ารหัส macOS FileVault ช่วยเพิ่มความสะดวกในการรับฝาก รีเฟรช และกู้คืนคีย์ที่ใช้เข้ารหัส
- การสนับสนุน System Integrity Protection (SIP) สำหรับ macOS รองรับการตรวจสอบยืนยันสถานะของอุปกรณ์และความสอดคล้องตามข้อกำหนด
กูเกิล: วีเอ็มแวร์ได้เพิ่มความสามารถเพื่อสนับสนุน Android Enterprise ทำให้ลูกค้าสามารถโยกย้ายจากโปรไฟล์จาก Android เดิมไปเป็น Android Enterprise ได้ในไม่กี่คลิกด้วย Workspace ONE UEM นอกจากนี้ลูกค้าสามารถเช็คความพร้อมของอุปกรณ์และขณะที่อุปกรณ์กำลังทำงานได้แบบเรียลไทม์ วีเอ็มแวร์ยังเป็น UEM เจ้าแรกที่ช่วยให้ระบบจัดการอุปกรณ์ Chrome OS ทำงานได้ทันสมัยมากขึ้น และวันนี้ได้ประกาศเปิดตัว Workspace ONE UEM Extension ใหม่สำหรับ Chrome OS แล้ว โดยโซลูชั่นนี้จะพร้อมใช้งานในไตรมาส 3 นอกจากนั้น ด้วย Workspace ONE UEM Extension สำหรับ Chrome OS ผู้ดูแลระบบจะสามารถรับฝาก เพิกถอน และต่ออายุใบรับรองการตรวจสอบสำหรับผู้ใช้และอุปกรณ์ จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความคล่องตัวให้แก่ผู้ใช้ในการเข้าใช้งานแอปพลิเคชันและบริการต่างๆ
ออคต้า (Okta): วีเอ็มแวร์และออคต้าประกาศร่วมกันเกี่ยวกับการผนวกรวม Workspace ONE และ Okta Universal Directory (UD) เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้ Workspace ONE สามารถใช้ Okta UD เป็นบริการไดเรคทอรีหลัก แทนไดเรคทอรีรุ่นเก่าที่ติดตั้งภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าโยกย้ายไปสู่ระบบคลาวด์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
การสนับสนุนเวอร์ชวลเดสก์ท็อปและแอปบนมัลติคลาวด์ ด้วยบริการที่เหนือกว่า
วีเอ็มแวร์ช่วยเพิ่มความสะดวกและความคล่องตัวให้แก่ลูกค้าในการจัดการ ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง และเข้าใช้งานเวอร์ชวลเดสก์ท็อปและแอปต่างๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของดิจิทัลเวิร์กสเปซ ไม่ว่าจะเป็นแอปที่ติดตั้งในองค์กร ในระบบคลาวด์ หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ทั้งนี้ วีเอ็มแวร์ได้เปิดตัวนวัตกรรมหลายอย่างที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกและสร้างระบบงานอัตโนมัติสำหรับการจัดการคลาวด์ที่ประกอบด้วยเวอร์ชวลเดสก์ท็อปและแอปต่างๆ ภายใน Workspace ONE
วันนี้ วีเอ็มแวร์ได้เผยโฉม VMware Horizon Services for Multi-Cloud ซึ่งจะช่วยให้ผู้ดูแลระบบไอทีสามารถดำเนินการเป็นตัวกลางและจัดการสภาพแวดล้อมแบบหลายไซต์ได้โดยอัตโนมัติ Horizon Services for Multi-Cloud ช่วยให้พนักงานสามารถล็อกอินเข้าสู่พื้นที่ทำงานเสมือนจริงที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นบนระบบที่ติดตั้งภายในองค์กรหรือในระบบคลาวด์ โดยได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้ ลดค่าใช้จ่าย และรองรับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การกู้คืนระบบ การขยายดาต้าเซ็นเตอร์ และการใช้ระบบคลาวด์เพื่อรองรับเวิร์กโหลดที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน (Cloud Bursting)
บริการใหม่ด้านการจัดการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Horizon Services for Multi-Cloud จะเพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการเดสก์ท็อปและแอปต่างๆ โดยฝ่ายไอทีจะสามารถจัดการทรัพยากรสำคัญๆ เช่น แอปพลิเคชันหรืออิมเมจบนหลายๆ ไซต์ เพื่อรองรับการใช้งานระบบที่เป็นแบบไฮบริดอย่างแท้จริง แนวทางที่ทันสมัยสำหรับการจัดการแอปพลิเคชันจะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถจัดทำแพ็คเกจและนำเสนอแอปพลิเคชัน ฝ่ายไอทีจะได้ใช้แพ็คเกจที่เหมือนกันบนระบบที่ติดตั้งภายในองค์กรและเดสก์ท็อปบนคลาวด์ โดยใช้รูปแบบการเผยแพร่ one-to-many นอกจากนั้น บริการใหม่สำหรับการตรวจสอบคลาวด์จะแสดงข้อมูลประสิทธิภาพของ Horizon เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถดำเนินการตรวจสอบในลักษณะเชิงรุก แก้ไขปัญหา และซ่อมแซมสภาพแวดล้อม โดยควบคุมสั่งการจากคอนโซลหนึ่งเดียวบนระบบคลาวด์
ไมโครซอฟท์และวีเอ็มแวร์พัฒนาต่อยอดจากการบูรณาการระบบตามที่สัญญาไว้ เช่น การรองรับการเข้าถึงภายใต้เงื่อนไขสำหรับ Microsoft Office 365 โดยใช้ Microsoft Intune และ Azure Active Directory, การสนับสนุน Horizon Cloud สำหรับ Windows Virtual Desktop บน Microsoft Azure และการสนับสนุน Microsoft Teams เพื่อขับเคลื่อนการประสานงานร่วมกันบนพื้นที่ทำงานดังกล่าว นอกจากนั้น เพื่อรองรับการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อกับเพื่อนร่วมงาน ลูกค้าจะสามารถใช้แพ็คปรับปรุงประสิทธิภาพ Zoom ร่วมกับ Horizon ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ Horizon จะถูกรวมเข้ากับ NSX Advanced Load Balancer ช่วยให้ลูกค้าสามารถย้ายจากอุปกรณ์บนแอปพลิเคชั่นที่ใช้ฮาร์ดแวร์ ADC ทำให้เข้าถึงเดสก์ท็อปและแอปที่รวดเร็ว ยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น
สุดท้าย ลูกค้าที่ใช้ Horizon จะสามารถใช้ประโยชน์จากไฮบริดคลาวด์ได้อย่างคุ้มค่า โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง ด้วยระบบไลเซนส์แบบสมัครสมาชิก และภายใต้ VMware Subscription Upgrade สำหรับ Horizon ลูกค้าที่ใช้ Horizon 7 จะสามารถนำเอาไลเซนส์แบบถาวรมาแลกซื้อเพื่อรับส่วนลดสำหรับ Horizon Universal License ซึ่งลูกค้าสามารถติดตั้งใช้งานได้ทุกที่ ไม่ว่าบนระบบที่ติดตั้งในองค์กรหรือระบบคลาวด์
Workspace ONE Intelligence เพิ่มเติมการวิเคราะห์ความเสี่ยงบนหลายแพลตฟอร์มสำหรับโมเดลการรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust
ด้วยการผสานรวมระบบจัดการที่ทันสมัย การจัดการสิทธิ์การเข้าถึง และระบบวิเคราะห์ข้อมูลบนพื้นที่ทำงานดิจิทัล วีเอ็มแวร์เป็นผู้นำในการนำเสนอแนวทางแบบครบวงจรสำหรับการรองรับการรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust โดยครอบคลุมเครือข่าย อุปกรณ์ แอปพลิเคชัน และผู้ใช้ทั้งหมด และวันนี้ วีเอ็มแวร์เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ หลายอย่าง เพื่อช่วยให้ลูกค้าปรับใช้สถาปัตยกรรมการรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust
Workspace ONE Intelligence ซึ่งเปิดตัวในวันนี้ จะนำเสนอคะแนนความเสี่ยงของผู้ใช้และอุปกรณ์ซึ่งเป็นคะแนนเชิงปริมาณเดียวโดยพิจารณาจากคุณลักษณะความเสี่ยงหลายประการซึ่งสามารถใช้เพื่อเรียกใช้นโยบายการเข้าถึงแบบมีเงื่อนไขและการแก้ไขอัตโนมัติ Workspace ONE Intelligence ใช้เทคโนโลยี Machine Learning ในการระบุพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้ โดยพิจารณาจากความแปรปรวนจากพฤติกรรมที่มีรูปแบบและการดำเนินการแก้ไขอัตโนมัติ
นอกจากนี้ Workspace ONE Trust Network ยังรองรับ Carbon Black, Lookout และ Netskope อย่างสมบูรณ์ ช่วยให้ลูกค้าสามารถผนวกรวมข้อมูลจากโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดไว้ใน Workspace ONE และใช้แดชบอร์ด Workspace ONE Intelligence เพื่อรองรับการตรวจสอบสถานะความปลอดภัยอย่างรอบด้านและทั่วถึง
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของข่าวนี้ได้ที่บล็อก VMware End User Computing
- อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพลตฟอร์มพื้นที่ทำงานดิจิทัลของวีเอ็มแวร์ VMware Workspace ONE
You must be logged in to post a comment.