หลังจากที่รอคอยมานานแสนนาน ลือแล้วลืออีก ในที่สุดก็เปิดตัวสักทีสำหรับ AMD Radeon RX 9070 Series รอบนี้ AMD ลงเล่นตลาดระดับกลาง ๆ ไม่เน้นแรงจนสุด แต่เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก รายละเอียดจะเป็นยังไงไปดูกันเลยครับ
เจาะลึกสถาปัตยกรรม RDNA 4
สถาปัตยกรรมนี้ต่อยอดมาจาก RDNA 3.5 ที่เน้นทั้งเรื่องประสิทธิภาพด้านการเล่นเกมและ AI มากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมีดังนี้:
- ปรับแต่งมาเพื่อการเล่นเกมระดับ High-end
- ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการประมวลผลและ Rasterization (หลาย ๆ คนจะเรียกว่าพลังดิบ)
- เพิ่มประสิทธิภาพด้าน Raytracing
- รองรับ Machine learning ประสิทธิภาพสูง
- จัดการแบนด์วิดธ์ได้ดีขึ้นกับทุกเวิร์กโหลด
- ปรับปรุงด้านมัลติมีเดีย สำหรับเกมเมอร์และครีเอเตอร์
โดยเฉพาะในแง่ของพลังดิบ Rasterization ใน RDNA 4 แรงกว่า RDNA 2 ถึง 2 เท่า, 2.5 เท่าในด้าน Raytracing และ 2.5 เท่าในด้าน Machine Learning (FP16)
เดี๋ยวขอพูดถึงเรื่อง AI ก่อน เพราะยุคนี้ใคร ๆ ก็ให้ความสนใจด้าน AI กันมากขึ้น ใน RDNA 4 เลือกใช้เอนจิ้น Generation Matrix Acceleration รุ่นที่ 3 ที่ได้มีการปรับปรุง Tensor Dense Rates, รองรับ Structured Sparsity และเพิ่มการทำ Super Resolution ด้วย Machine learning เข้ามาด้วยครับ
นอกจากนี้ เมื่อใช้การ์ดจอ RDNA 4 ในการสร้างภาพด้วย AI (SDXL 1.5) ก็ยังทำออกมาได้ดีและไวกว่า RDNA 3 ถึง 2 เท่า
ส่วนด้านมัลติมีเดีย ก็ปรับปรุงเอนจิ้นให้ทำการเข้ารหัส/ถอดรหัสได้ดีขึ้น เพิ่มคุณภาพได้สูง 25% ใน AVC, H.264, H.265 ส่วน AV1 ทำได้ดีกว่าเดิม 2 เท่า ลด Latency ในการสตรีมได้แบบสุดติ่งไปเลย
รอบนี้ AMD ทำการบ้านเรื่อง Raytracing มาดีมากขึ้น ปรับการใช้แรมให้มีประสิทธิภาพ อย่างในการประมวลผล BVH ก็ลดการใช้แรมลงไปมากถึง 60%
แต่จริง ๆ เทอมคำว่า Raytracing ในยุคนี้มันเป็นคำที่ค่อนข้างเก่า เพราะเทคโนโลยีในการสร้างแสงและเงาปัจจุบัน นิยมใช้เทคโนโลยี Path Tracing ที่มีการวิเคราะห์เงาตกกระทบของวัตถุที่เป็นไปได้ในสภาพแวดล้อมของเกม โดยไม่ต้องอิงจากมุมมองของผู้เล่นเป็นหลัก ทำให้ได้แสงและเงาที่สมจริงขึ้น
ซึ่ง AMD ก็เตรียมพร้อมที่นำ Path Tracing มาใช้ใน RDNA 4 ด้วเทคนิคที่ต่างออกไปจากค่ายเขียว โดยใช้ Neural Supersampling และ Denoising
Radeon RX 9070 Series เกิดมาเพื่อการเล่นเกม 1440p และ 4K
รอบนี้ AMD ขอลงมาเล่นในตลาดการ์ดจอระดับ ๆ กลาง เน้นที่ความคุ้มค่าและราคาน่าคบหา ซึ่งการ์ดจอรุ่นที่เปิดตัวมาในครั้งนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่น คือ Radeon RX 9070 และ Radeon RX 9070 XT
ทั้ง 2 รุ่นจะแตกต่างกันในหลาย ๆ จุด โดยเฉพาะแกนประมวลผลนะครับ แต่จุดที่เหมือนกันคือ AMD ให้แรมการ์ดจอมาถึง 16GB แม้จะเป็นรุ่นน้องอย่าง RX 9070 ก็ได้แรม 16GB ด้วยเช่นกัน
ประสิทธิภาพการเล่นเกม AMD หยิบมาทดสอบหลายเกมด้วยกัน เน้นที่เกมระดับ AAA ซึ่งผมแนะนำให้ดูจากภาพและกราฟนะครับ ส่วนรายละเอียดเมื่อเปรียบเทียบกับการ์ดจอรุ่นอื่น ๆ ได้ดังนี้
Radeon RX 9070 XT
- Radeon RX 9070 XT vs RX 6900 XT (4K Max) -> แรงกว่า 51% โดยเฉลี่ย
- Radeon RX 9070 XT vs RX 7900 GRE (4K Max) -> แรงกว่า 42% โดยเฉลี่ย
- Radeon RX 9070 XT vs RTX 3090 (4K Max) -> แรงกว่า 26% โดยเฉลี่ย
- Radeon RX 9070 XT vs RX 7900 GRE (1440P Max) -> แรงกว่า 38% โดยเฉลี่ย
และถ้าเทียบกับ RTX 5070 Ti ในการ์ด 9070 XT แบบเดิม ๆ ก็จะแรงน้อยกว่าอยู่เล็กน้อยเพียง 2% แถมยังคุ้มค่ากว่า 23% เมื่อเทียบประสิทธิภาพต่อราคา
Radeon RX 9070
- Radeon RX 9070 vs RX 6800 XT (4K Max) -> แรงกว่า 38% โดยเฉลี่ย
- Radeon RX 9070 vs RX 7900 GRE (4K Max) -> แรงกว่า 21% โดยเฉลี่ย
- Radeon RX 9070 vs RTX 3080 (4K Max) -> แรงกว่า 26% โดยเฉลี่ย
- Radeon RX 9070 vs RX 7900 GRE (1440P Max) -> แรงกว่า 20% โดยเฉลี่ย
Hyper-RX และ FSR 4
เทคโนโลยีเสริมเพื่อการเล่นเกม HYPR-RX จะอยู่ในไดรเวอร์ AMD เป็นฟีเจอร์แนว One-Click กดเปิดครั้งเดียวได้ทุกฟีเจอร์ หลัก ๆ จะเป็นการ Upscaling และ Frame Generation จากการทดสอบ Microsoft Flight Simulator 2024, Kingdom Come Deliverance 2 และ Star Citizen ด้วย Radeon RX 9070 XT แบบ 4K ก็ได้ความแรงเพิ่มขึ้นสูงสุด 2.9 เท่า
ส่วน FSR 4 ฟีเจอร์อัปสเกลคู่แข่งของ DLSS รอบนี้ทดสอบกับเกม Space Marine 2 ระดับ 4K ถ้าพลังดิบจะได้เฟรมเรต 53 FPS แต่เมื่อเปิดใช้งาน FSR 4 Performance mode จะได้ความแรงเพิ่มขึ้นเป็น 182 FPS หรือประมาณ 3.4 เท่า
เทคโนโลยีด้าน AI
ใน Radeon RX 9000 Series ได้ชิป RDNA 4 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้าน AI อัปเกรดจาก RDNA 3 ค่อนข้างเยอะ โดย AI ใน RDNA 4 แรงขึ้นเฉลี่ย 55% และเมื่อเลือกงาน AI ที่เกี่ยวกับ content creation ก็จะได้ความแรงเพิ่มขึ้นประมาณ 16.25% ครับ
สำหรับ Radeon RX 9070 XT เปิดราคามาที่ 599 ดอลลาร์ หรือประมาณ 20,500 บาท ส่วน Radeon RX 9070 เปิดราคามาที่ 549 ดอลลาร์ หรือประมาณ 18,800 บาท โดยจะวางจำหน่ายวันที่ 6 มีนาคมนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Wccftech
You must be logged in to post a comment.