Review:ASRock X299 OC Formula แรงหลังติดเบาะกับฟอมูล่า ที่จะเค้นทุกประสิทธิภาพในการ Overclock
กราบสวัสดีแฟนๆ ExtremePC ครับ บอกเลยว่าวันนี้ต้องถูกใจสำหรับคนที่ชื่นชอบการ Overclock เป็นพิเศษเพราะว่าวันนี้ผมได้ King Mainboard for Overclock เลยก็ว่าได้ครับ เนื่องจากเมนบอร์ดที่รองรับการ Overclock แบบเต็มรูปแบบนั้นมีอยู่เพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น และเจ้า SRock X299 OC Formula ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจครับไม่ว่าจะเป็นการ Overclock CPU หรือในส่วนของแรมนั้นก็ขึ้นชื่ออย่างมาก โดยวันนี้ผมก็ได้รับมาทดสอบแต่ทว่าเป็นเมนบอร์ดเพียวๆไม่ได้มีกล่องแต่อย่างใด ส่วนของขายนั้นก็มีแล้วลองไปเลือกหากันดูได้ครับ
สำหรับตัวเมนบอร์ดนั้น รอบนี้ทาง ASRock เปลียนแนวไปเยอะมากๆครับ เพราะแต่ก่อนรุ่นที่เป็น OC Formula จะเป็นโทนสีดำ-เหลืองครับ แต่รองนี้ทาง ASRock นั้นได้เปลียนสีเมนบอร์ดเป็นสีดำ-เทาเรียบๆ เพราะรอบนี้ทาง ASRock ได้ใส่ไฟ RGB ตามเทรนกับเขาแล้วครับ โดยขนาดเมนบอร์ดนั้นจะอยู่ที่ ATX
มาดูในส่วนของภาคจ่ายไฟกันก่อนดีกว่าครับต้องบอกว่าเป็นเมนบอร์ดชิพเซต X299 ที่มีภาคจ่ายไฟเยอะที่สุดและทาง ASRock ก็รับรองว่ามันสามารถเอาอยู่ในส่วนของการ Overclock intel Core i9 7980XE ได้แบบสบายๆเลยทีเดียว โดยชุดภาคจ่ายไฟนั้นมีทั้งหมด 15 Phase โดยแบ่งเป็น CPU 13 Phase Power Design และอีก 2 Phase Memory Power Design ควบคุมผ่านชิพ Dr. MOS
แน่นอนว่าภาคจ่ายไฟเยอะขนาดนี้ การระบายความร้อนของภาคจ่ายไฟก็จัดเต็มจริงๆครับ โดยมีท่อฮิตไปป์เชื่อมต่อกันและครอบไปยังทางด้านหลัง I/O เลย
ในส่วนของเรื่องแรมนั้น ไม่พูดถึงไม่ได้เพราะเมนบอร์ดทาง ASRock นั้นขึ้นชื่อเรื่องของแรมโดยมันรองรับแบบ Quad Channel ที่ DDR4 4600+ ในโหมด OC ตรงนี้ต้องขอบคุณ PCB ที่ได้ออกแบบมามากถึง 8-layper layout ช่วยในการ Overclock แรมได้เป็นอย่างดีครับ
แน่นอนเมนบอร์ดที่ได้ออกแบบมารองรับการ Overclock นั้นต้องมีปุ่มจัดการต่างๆบนเมนบอร์ดเพื่อให้สะดวกครับ โดยมีมาครบจัดเต็มทั่งในส่วนของปุ่มเปิดปิดเครื่องและปุุ่มรีเซตเครื่อง หรือการเคลียใบออสนั้นก็สามารถทำได้ผ่านปุ่มชุดนี้ทั้งหมด ต่อมาจะเป็นสวิตช์ SlowMode ที่เป็นกรอบสีเงินและ Ln2 Mode ที่เป็นกรอบสีดำครับ ถัดมาชุดด้านบนจะมีสวิตช์เอาไว้ใช้ปิดสล๊อต PCI ช่องเสียบการ์ดจอ ส่วนอีก 3 ปุ่มจะเป็นการ
สำหหรับในส่วนของการรองรับการติดตั้งช่อง Sata นั้นเมนบอร์ดนี้จะแยกออกมาเป็น 2 ชุด ชุดที่มา 6 ช่องจะเป็นของชิพเซตเมนบอร์ด เป็น Sata 3 ส่วนที่แยกออกมา 2 port นั้นจะเป็นชิพ ASMedie พูดง่ายๆคือส่วนนี้ทำออกมาให้รองรับใช้งานกับวินโดว XP หรือวินโดว 7 ได้ด้วยนั้นเอง
ในส่วนของการติดตั้งการ์ดต่างๆหรือสล๊อต PCI-Express มีมาให้เยอะมากถึง 7 Slot เลยทีเดียวครับ โดยจะแบ่งเป็นสล๊อต PCI-E 16X ทั้งหมด 5 สล๊อตและ PCI-E 4X จำนวน 1 สล๊อต พร้อมทั้ง PCI-E 1X อีกจำนวน 1 ช่องครับผม
โดยในส่วนของการติดตั้ง M.2 นั้นเมนบอร์ดนี้รองรับได้ทั้งหมด 2 สล๊อตด้วยกันครับ โดยจะอยู่ระหว่างชิพ PCH ของเมนบอร์ด ตัวฮิตซิงค์นี้ก็มีโลโก้ OC FORMULA เอาไว้ โดยเวลาใช้งานนั้นเปิดเครื่องจะมีไฟ RGB อยู่ทางด้านใต้ของฮิตซิงค์
แน่นอนว่าเมนบอร์ดสำหรับนัก Overclock ก็ต้องมีไฟ DebugCode มาให้ใช้งานกันครับ โดยจะอยู่มุมล่างขวามือเพื่อเอาไว้ตรวจสอบแก้ปัญหาของระบบคอมพิวเตอร์
สำหรับระบบเสียงนั้น เมนบอร์ดรุ่นนี้ไม่ได้โฟกัสอะไรมามากมายครับ โดยระบบเสียงจะเป็นแบบ 7.1 CH HD Audio และใช้งานเป็นชิพเซตจากทาง Realtek ในรหัส ALC1220 Audio Codec
สำหรับในส่วนของ Panel I/O นั้นก็มาครบแต่อาจจะไม่ได้มีพวกช่อง USB มาให้มากเท่าไรนักโดยจะมีดังนี้
– 1 x PS/2 Mouse/Keyboard Port
– 1 x Optical SPDIF Out Port
– 2 x USB 2.0 Ports (Supports ESD Protection)
– 1 x USB 3.1 Gen2 Type-A Port (10 Gb/s) (ASMedia ASM3142) (Supports ESD Protection)
– 1 x USB 3.1 Gen2 Type-C Port (10 Gb/s) (ASMedia ASM3142) (Supports ESD Protection)
– 4 x USB 3.1 Gen1 Ports (Supports ESD Protection)*
– 2 x RJ-45 LAN Ports with LED (ACT/LINK LED and SPEED LED)
– 1 x BIOS Flashback Button
– 1 x Clear CMOS Button
– HD Audio Jacks: Rear Speaker / Central / Bass / Line in / Front Speaker / Microphone (Gold Audio Jacks)
CPU
|
Intel Core i9 7900X |
CPU Cooler
|
CoolerMaster MASTERLIQUID PRO 280 |
Thermal Compound
|
CoolerMaster Master GEL MAKER NANO |
Mainboard
|
ASRock X299 OC Formula |
Memory
|
GALAX HOF EXTREME OC Lab Limited Edition |
VGA Card
|
ASUS ROG POSEIDON PLATINUM GTX 1080 Ti |
SSD
|
Plextor m8pe 256GB |
SSD
|
WD Blue 1 TB |
Power Supply
|
Cooler Master 1200w mij
|
Chassis
|
DimasTech Easy XL |
OS
|
Windows 10 pro |
บรรยากาศขณะทำการทดสอบในห้องที่มีอุณหภูมิ 28 องศา
ก็จบไปแล้วสำหรับการทดสอบในวันนี้ โดยผลทดสอบวันนี้ผมไม่ได้เซตเป็นค่าตายตัวค่าเดียว ผมเน้นหนักไปในส่วนของการ Overclock ครับ เนื่องจากเมนบอร์ดรุ่นนี้ผลิตหรือทำออกมาเพื่อนัก Overclock โดยเฉพาะ ออกแบบมาให้รีดประสิทธิภาพของอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น CPU และเมนบอร์ด โดยอารมณ์คร่าวๆที่ผมลองนั้นจะลากได้ดีกว่าเมนบอร์ดี่ผมเคยจับมาหลายๆตัวจริงๆครับ ผมจะแยกเป็นหมวดๆ
CPU
สำหรับการ Overclock CPU ของเมนบอร์ดตัวนี้ต้องบอกว่าสามารถดันได้สูงกว่าเมนบอร์ดอื่นเล็กน้อยประมาณ 50-100Mhz ตรงจุดนี้อาจจะเป็นเพราะในส่วนของภาคจ่ายไฟ CPU ที่มีเยอะกว่าแบร์ดอื่นๆทำให้สามารถจ่ายไฟได้ราบเรียบมากกว่า โดยทาง ASRock ยื่นยันว่าเป็นเมนบอร์ดที่สามารถรองรับการ Overclock กับ CPU Intel Core i9 7980XE รุ่นท๊อปได้อย่างดีที่สุด เพราะ CPU รุ่นนี้ถ้าเราได้ Overclock หนักๆ แค่เฉพาะตัว CPU กิินไฟคนเดียว 700-1000 W ได้เลยทีเดียวครับ ส่วนนี้สอบผ่านมากๆค่าไฟมีให้ประค่อนข้างละเอียด แต่ตัวโปรแกรม Formula Drive นั้นดูมีบัคเล็กน้อยต้องเปิดโปรแกรมก่อนค่อยเปิด CPU-z ทีหลัง
Ram
ในส่วนของการ Overclock memory หรือ Ram นั้นต้องบอกว่าสามารถทำผลงานได้เป็นอย่างดีแบบเกินหน้าเกินตาเลยทีเดียว ตรงนี้ต้องบอกว่าเรื่องของการลากแรมนั้นทาง ASRock เขาขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าลากได้ไกลที่สุดในโลก ทำสถิติมานักต่อนักครับ โดยส่วนตัวผมได้ลองลากแบบ 4 แถวและ 2 แถว ลองทั้ง CPU 2 แบบเลยทีเดียว ตรงนี้ต้องบอกว่ามันง่ายมากจริงๆคือไทมิ่งของแรมนั้นมีหลายชุด ถ้าเป็นเมนบอร์ดอื่นกำหหนดค่าไม่ถูกปล่อย Auto เอาไว้เมนบอร์ดจะไม่สามารถเซตให้บูทได้แต่ทาง ASRock นั้นได้เขียนฉลาดมากกว่าทำให้ปรับค่าได้ง่ายมากกว่าแบร์ดอื่นๆและกดไทมิ่งได้แน่นกว่าเรื่องของประสิทธิภาพแรมนั้นต้องบอกว่าดีกว่ามากๆเลยและครับ
CPU+RAM+VGA
สำหรับโปรแกรม PCMark 10 นั้น จะเป็นการทดสอบรวมทั้งระบบ เมนบอร์ดรุ่นนี้ก็เรียกว่าสามารถรีดประสิทธิภาพทั้งเครื่องออกมาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวและครับ โดยคะแนนโปรแกรม PCMark 10 ถ้าเครื่องใครได้เกิน 8000 แต้มนี้ต้องบอกว่าคอมต้องแรงมากๆไม่งั้นไม่ถึงแน่นอนครับ
สรุป
เมนบอร์ดตัวนี้เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการ Overclock เป็นชีวิตจิตใจเป็นอย่างมากๆเลยทีเดียวมันสามารถตอบสนองความต้องการได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวและครับ เรื่องของราคานั้นต้องบอกว่าไม่แพงมากถูกกว่าแบร์ดอื่นในระดับเดียวกัน หรือระดับของเมนบอร์ดที่ทำออกมาเพื่อนัก Overclock ครับ โดยราคานั้นอยู่ประมาณ 14900 บาทด้วยกัน ก็น่าซื้อมาลองใช้งานเป็นอย่างมากครับ ไรข้อติเลยก็ว่าได้ถ้าไม่นับหน้าตาที่อาจจะสวยงามสู้แบร์ดอื่นๆไม่ได้ครับ สำหรับวันนี้ทางผมก็คงต้องขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ
ราคา 14900 บาท
You must be logged in to post a comment.