สวัสดีครับทุกๆท่านกลับมาเจอกันอีกรอบหนึ่งช่วงนี้ต้องบอกว่ามีบทความออกทุกวันเลยทีเดียวและครับสำหรับวันนี้ทางผมก็ได้รับของเล่นจากทาง ASUS มาอีกหนึ่งตัวเป็นเมนบอร์ดเชื้อสายของ ROG หรือที่พูดกันว่า MAXIMUS นั้นเองครับต้องบอกว่าชื่อเสียงนีร้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุค 775 และได้สร้างตำนานมาอย่างต่อเนื่องยาวนานและทำสถิติโลกมาได้หลายการ จนมาถึงยุคที่ 9 หรือ IX นั้นเองครับโดยรอบนี้ทาง ASUS ก็ได้เปิดรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดหลังจากแต่ก่อนเมนบอร์ดตัวใหญ่หรือ ATX นั้นจะมี HERO EXTREME และ FORMULA แต่มีเสียงตอบรับว่าตัว FORMULA ออกแบบได้สวยงามมีมาพร้อมชุดน้ำแต่ราคาก็เรียกว่าค่อนข้างแรงและบางคนไม่ได้ใช้งานชุดน้ำทำให้เกิดตัว ASUS MAXIMUS IX CODE ขึ้นมาในวันนี้เอาเป็นว่าเดียวเราไปดูกันเลยดีกว่าครับ
โดยเมนบอร์ดนี้หน้าตาของมันเรียกว่าเหมือนตัวรุ่นพี่แทบจะทุกอย่างยกเว้นเพียงภาคจ่ายไฟใช้งานเป็นฮิตซิงค์ปกติทั่วๆไปครับ
มาดูกันที่ตัวกล่องกันก่อนเลยดีกว่าครับสำหรับกล่อง ASUS นี้จะมีเขียนบอกรายละเอียกเอาไว้ทางด้านหน้าว่าเป็นตัว MAXIMUS IX CODE ครับและกล่องก็ยังใช้งานเหมือนตัว ROG ทุกตัวที่เคยรีวิวมา
โดยเมนบอร์ดนี้รองรับ CPU ทุกรุ่นที่เป็น 1151 พร้อมทั้งรองรับการติดตั้งการ์ดจอต่อได้หลายใบไม่ว่าจะเป็น SLI และ CROSSFIRE และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับยุคนี้คือส่วนของ RGB ที่รองรับการใช้งาน AURA SYNC
ทางด้านหลังของตัวกล่องนั้นจะมีบอกรายละเอียดการรองรับของตัวเมนบอร์ด
โดยภายในกล่องนั้นจะมีสติเกอร์เท่ๆเอาไว้แปะเล่นแผ่นรองแก้วน้ำพร้อมทั้งคู่มือการใช้งานสุดท้ายจะเป็นแผ่นโปรแกรมไดรเวอร์ของตัวเมนบอร์ด
อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีสายสำหรับเชื่อมต่อไฟ RGB เพื่อสามารถจะให้ซิงค์ใช้งานกับเมนบอร์ดได้ สายเชื่อมต่อสำหรับ SLI และอุปกรณ์ช่วยติดตั้ง CPU ลงบนเมนบอร์ด แผ่นปิดหลังช่อง I/O เสารับสัญญาน Wi-Fi เพื่อเชื่อมต่อลงไปยังเมนบอร์ด พร้อมทั้งมีน๊อตเอาไว้ยึด M.2 และสุดท้ายจะเป็นสาย Sata จำนวน 2 เส้น
สำหรับตัวเมนบอร์ดนี้จะมาในขนาด ATX และสีของเมนบอร์ดรอบนี้ต้องบอกว่าเป็นสีดำทั้งตัวเมนบอร์ดเลยทีเดียวไม่มีสีอื่นใดตัดให้ดูโดดเด่นแม้แต่น้อยแต่เอาจริงๆแล้วความสวยงามจะเริ่มขึ้นเมื่อผู้ใช้งานได้กดเปิดสวิตช์เครื่องนั้นเองเพราะเมนบอร์ดตัวนี้มีไฟ RGB เรียกว่าหลายจุดเป็นอย่างมากครับ
โดยตรงส่วนทางด้านหลังI/O นี้จะมีฝาปิดเอาไว้สวยงามเรียบร้อย มีการปั้ม MAXIMUS IX เอาไว้สวยงามและตรงฮิตซิงค์ภาคจ่ายไฟจะมีชื่อรุ่น CODE ครับ
เรื่องของชุดภาคจ่ายไฟเมนบอร์ดนี้ต้องบอกว่าให้มามากถึง 10 เฟส โดยการ Overclock นั้นต้องบอกว่าสามารถจัดเต็มได้เลยทีเดียว โดยการทดสอบในวันนี้จะเทสแบบสุดความสามารถของเมนบอร์ดและ CPU เลยครับ
โดยไฟเลี้ยง CPU นั้นจะต้องเสียบสายไฟเลี้ยง 8 Pin เพิ่มเข้าไปเพื่อให้ CPU ได้พลังงานเพียงพอ
เรื่องของการติดตั้งแรมเมนบอร์ดนี้ก็รองรับบความจุสูงสุดที่ 64 GB ครับและยังสามารถติดตั้งแรมที่มีความเร็วบัสสูงมากถึง 4133 MHz แบบเปิดโหมดใช้งาน XMP ได้ในทันที
โดยเมนบอร์ดตัวนี้ยังมีปุ่มเปิดปิดเครื่องมาให้ใช้งานและปุ่มรีคอมพิวเตอร์ อีกทั้งไฟ Debug ก็มีมาให้ใช้งานเช่่นกัน
หรือถ้าใครยังไม่มีความสามารถในการอ่าน Code ไม่เป็นเมนบอร์ดตัวนี้ก็มีหลอดไฟ LED ที่ให้มาเวลามีปัญหาตรงไหนไฟจะติดที่ตรงนั้นโดยมันจะอยู฿่ตรงซอกของการติดตั้งสาย 24 PIN ครับ
สำหรับการติดตั้งการ์ดต่างๆนั้นเมนบอร์ดตัวนี้จะมีช่อง PCI-E 1x มาให้ทั้งหมด 3 ช่องด้วยกันและ PCI-E 16x อีกจำนวน 3 ช่องด้วยกันครับ
โดยตรงกลางเมนบอร์ดนี้จะยังคงมีโลโก้ REPUBLIC OF GAMERS มาให้เวลาใช้งานจะมีไฟส่องสว่างสวยงาม
สำหรับฮิตซิงค์ PCH นั้นจะมีรูปลายโลโก้ ROG ติดเอาไว้สวยงามครับ
เรื่องของระบบเสียงนั้นทาง ASUS ได้เลือกใช้งานเป็นระบบ SUPREME FX เช่นเดิมครับ โดยเมนบอร์ดนี้ตัว PCB จะมีการแยกกราวเอาไว้เช่นเดิมครับโดยถ้าเอาจริงๆแล้วเรื่องของการแยกกราวออกจาก PCB หลักบนเมนบอร์ดถือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้วก็ว่าได้ครับ
สำหรับการติดตั้ง HDD ผ่านทางช่อง SATA นั้นก็มีมาให้ด้วยกันทั้งหมด 6 ช่องครับ
แต่ใครนั้นมองหาช่อง M.2 แล้วหาไม่เจอนั้นมันมาหลบอยู่ส่วนนี้ครับโดยจะเป็นการติดตั้งแบบเสียบลงไปในแนวตั้งครับ โดยจริงๆจะมีสล๊อต M.2 อีกหนึ่งอันอยู่ภายใต้ฝาครอบแถวบริเวณชิพฮิตซิงค์ PCH ครับ
โดยปุ่มเสริมนั้นจะอยู่ทางด้านล่างของเมนบอร์ดครับ โดยจะมีปุ่ม RETRY SAFE-BOOST และปุ่ม MemOK ครับ โดยข้างๆนั้นจะมีช่องสำหรับการเชื่อมต่อ OC Panal ครับ
สำหรับการเชื่อมต่อทางด้านหลัง I/O นั้นจะมีปุ่มสำหรับแฟรช Bios พร้อมทั้งปุ่มเคลีย Bios มาให้ด้วยครับ โดยอีกจุดที่พิเศษนั้นจะมีตัวรับสัญญาน Wi-Fi มาให้บนเมนบอร์ดด้วยครับ การเชื่อมต่อออกสู่จอภาพนั้นเมนบอร์ดนี้จะมีช่อง DisplayPort และ HDMI มาให้ และอีกจุดหนึ่งคือเมนบอร์ดตัวนี้มีช่อง USB มาให้เยอะมากทางด้านหลังเคสครับ โดยจะมี USB 2.0 มาให้ทั้งหมด 4 Port และ USB 3.0 อีก 5 Port ครับและ USB 3.1 Type-C มาให้เหมือนกัน สุดท้ายจะเป็นช่องเสียบสาย Lan และระบบเสียง
CPU
|
INTEL Core i7 7700k |
CPU Cooler
|
Custom Watercooling |
Thermal Compound
|
CoolerMaster Master GEL MAKER NANO |
Mainboard
|
ASUS MAXIMUS IX CODE |
Memory
|
T-FORCE XTREEM DDR4-4000CL18 1.35V 16GB |
VGA Card
|
PowerColor Red Devil RX580 Goldsample 8 GB |
SSD
|
OCZ VECTOR 180 480 GB |
SSD
|
Plextor M8Pe 256 GB |
HDD
|
WD Gold 8 TB |
Power Supply
|
CORSAIR AX 1500i
|
Chassis
|
DimasTech Easy XL |
OS
|
Windows 10 pro |
บรรยากาศขณะทำการทดสอบ
โดยวันนี้ยังคงเซตค่าเอาไว้ให้มีความแรงต่อเนื่องที่ 5.2 GHz และตัวแรมนั้นวิ่งไปที่ 4000 MHz โดยเป็นการเปิด XMP เท่านั้นก็สามารถใช้งานได้ทันที
ก็จบไปแล้วสำหรับการทดสอบในวันนี้เรียกว่าตัว ASUS MAXIMUS IX CODE มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือเหมือน ASUS MAXIMUS IX FORMULA เพราะเมนบอร์ด ASUS CODE กับ FORMULA คือเมนบอร์ดตัวเดียวกันแตกต่างเพียงแค่หน้าตาเมนบอร์ด ตัวFORMULA จะมีชุดน้ำที่ภาคจ่ายไฟ แต่ตัว CODE เป็นแบบซิงค์ปกติครับ ส่วนนี้ทำให้ตัว CODE มีราคาที่ถูกกว่าหลายพันเลยทีเดียวแต่ประสิทธิภาพความแรงก็ยังจัดเต็มเช่นเคย โดยจะเห็นว่าวันนี้ผมได้เซต CPU ไปที่ 5.2 GHz และให้แรมทำงานที่บัส 4000 MHz นั้นก็สามารถใช้งานได้แบบ 24/7 เลยทีเดียวและครับ ไม่มีอาการค้างหรือเปิดเครื่องบูตยากแต่อย่างใด เรื่องของการ Overclock ก็สามารถปรับแต่งได้ง่ายตามแบบฉบับของทาง ASUS และถ้าใครเซตไม่เป็นนั้นต้องบอกเลยว่าเพียงแค่ทำการโหลดโปรไฟล์ที่อยู่ใน Bios ก็สามารถพา CPU GEN 7 ที่เป็นรหัส K ไปวิ่งที่ความเร็ว 5.0 GHz ได้เลยทันทีครับ ก็ถือว่าเป็นทีเด็ดของเมนบอร์ด ASUS ครับ สำหรับวันนี้ทางผมก็คงต้องขอตัวลาไปก่อนแต่เพียงเท่านี้เอาไว้พบกันใหม่กับบทความหน้า สวัสดีครับ
You must be logged in to post a comment.