ASUS Vivobook 13 Slate OLED (T3300) ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของโน๊ตบุ๊คตระกูล Vivobook ที่สามารถถอดจอออกมาใช้งานได้อย่างอิสระหลากหลายสไตล์ มาพร้อมกับปากกา ASUS Pen 2.0 ที่รองรับแรงกดได้สูงถึง 4096 ระดับ หน้าจอ ASUS OLED คุณภาพสูง(OLED Dolby Vision ที่แสดงค่าสีได้มากถึง 1.07พันล้านเฉดสี) ขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด FHD ตัวเครื่องมีความบางเพียง 7.9 ซม. และมีน้ำหนักเพียง 790 กรัม(เฉพาะจอ) สามารถพกพาออกไปใช้งานข้างนอกได้อย่างคล่องแคล่ว
ชิปประมวลผล Intel Pentium Silver N6000 จะมีหน่วยความจำให้เลือกคือ RAM 4 GB / eMMC 128 GB กับอีกรุ่น RAM 8 GB / M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD ขนาด 256 GB ตัวเครื่องได้ติดตั้ง Windows 11 Home และ Office Home & Student 2021 ตัวใหม่ล่าสุดมาให้พร้อมใช้งาน
พิเศษสุดสำหรับการรับประกัน ระยะประกัน 2 ปีแบบ worldwide ครอบคุลม 57 ประเทศทั่วโลก และปีแรกจะเป็นประกันอุบัติเหตุมาให้ด้วยครับ
SPEC ASUS Vivobook 13 Slate OLED (T3300)
- T3300KA-LQP11WS:3” Touchscreen FHD (1920 x 1080) OLED 16:9550nits / Intel® Pentium® Silver N6000 Processor 1.1 GHz / 128G eMMC/ 4GB LPDDR4X on board / Windows 11 Home / Office Home and Student 2021 included / Stylus ราคา 23,990 บาท
- T3300KA-LQP92WS:3” Touchscreen FHD (1920 x 1080) OLED 16:9550nits / Intel® Pentium® Silver N6000 Processor 1.1 GHz / 256GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD/ 8GB LPDDR4X on board / Windows 11 Home / Office Home and Student 2021 included / Stylus ราคา 27,990 บาท
แกะกล่องเช็คของ
อุปกรณ์ทั้งหมดที่ใส่มาให้ภายในกล่องถือว่าครบมากๆ
- ชุดหน้าจอ ASUS Vivobook 13 Slate OLED
- ชุดแป้นคีบอร์ดแบบแม่เหล็ก
- ปากกา Stylus พร้อมกับหัวเปลี่ยน 3 ขนาด + ขาตั้งปากกา
- ขาตั้ง แบบแม่เหล็ก
- Adapter 65W
- ซองหนัง
ปากกา ASUS Pen 2.0 เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ระดับแรงกด 4096 ระดับ sampling rate 266 Hz ไม่ว่าจะขีดหรือเขียนก็ลื่นได้ดั่งใจ ปลายปากกายังสามารถเปลี่ยนขนาดได้ทั้งหมด 4 ขนาดด้วยกันครับ เพื่อให้เหมาะกับงานที่ต้องใช้ ท้ายด้ามปากกาจะมีปุ่มกดเพื่อเรียกใช้โปรแกรมอย่างรวเร็ว(เข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมได้) ชาร์จไฟผ่าน USB-C ชาร์จเต็ม 100% ในเวลาเพียง 30 นาที สามารถใช้งานได้ถึง 140 ชั่วโมง
วัสดุและการออกแบบดีไซน์
ASUS Vivobook 13 Slate OLED มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด FHD 1920 x 1080 พิกเซล อัตราส่วน 16:9 เต็มตาเต็มอารมณ์ พาแนลแบบ OLED Dolby Vision ที่แสดงค่าสีได้มากถึง 1.07 พันล้านเฉดสี 100% DCI-P3 ค่าความสว่างสูงสุด 550nits สามารถแสดงผลหน้าจอได้สีสันสดใส สีดำก็ดำแบบสนิท หน้าจอได้รับการรับรอง โดย VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500, PANTONE Validated ในเรทราคานี้ถือว่าให้จอมาคุณภาพสูงมากๆ มีโหมดถนอมสายตามาให้ สามารถกรองแสงสีฟ้าออกไปได้มากถึง 70% ผ่านการรับรองคุณสมบัติจาก TÜV Rheinland–certified
หน้าจอสามารถถอดออกมาจากคีบอร์ดได้อย่างอิสระ รองรับการทัชสกรีน ทั้งปลายนิ้วและปากกา กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน และเคลือบ anti-fingerprint coating เพื่อป้องกันรอยนิ้วมือเกาะบนหน้าจอ ฝาหลังวัสดุเป็นอลูมิเนียมผิวสัมผัสดีมาก ความหน้าของหน้าจอคือ 7.9 มม. น้ำหนัก 790 กรัม
กล้องมีทั้งหมด 2 ตัว กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล สำหรับการวิดีโอคอล และกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล มีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง(AI Noise Cancelling) เพื่อให้การสนทนาชัดเจนยิ่งขึ้น
ลำโพงตัวเครื่องจะติดตั้งมาให้ทั้งหมด 4 ตัว รองรับระบบเสียง Dolby Atmos พร้อมเทคโนโลยี smart amplifier ช่วยเพิ่มระดับเสียงให้สูงขึ้นและยังคงความชัดเจนของเสียงอยู่ จากที่ทดสอบดูหนัง ฟังเพลงผ่านลำโพงตัวเครื่อง มิติเสียงถือว่าดีมากๆ ถ้าเทียบกับฝั่งแท็บเล็ตในตลาดตัวนี้ถือว่าอยู่อันดับต้นๆแน่นอนครับเรื่องคุณภาพเสียง
สแตนแบบแม่เหล็กจับยึด แค่วางใกล้ๆก็จะดูดเข้าหาตัวแล้วครับ ตัวเครื่องสามารถใช้งานได้หลากหลายโหมด ทั้งแบบโน๊ตบุ๊คทั่วไป แบบแท็บเล็ต หรือจะใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
คีบอร์ดและทัชแพด
รูปทรงคีบอร์ดและการวางปุ่มต่างๆเปรียบเสมือนโน๊ตบุ๊คทั่วไปครับ จะมีปุ่ม FN พิเศษแถวบนสุด และตรงปุ่ม ENTER จะมีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ของ vivobook เอง ระยะกดที่ 1.4 มม. ไม่มีไฟ LED มาให้นะครับ ส่วนทัชแพดมีพื้นที่ขนาดใหญ่ 128×64 มม. ฟิลลิ่งในการทัชอยู่ในเกณฑ์ทั่วไป
พอร์ตการเชื่อมต่อ
ตัวเครื่องจะมีพอร์ตมาให้ใช้งานครบครัน
- USB-Type-C ทั้งหมด 2 ช่อง รองรับการชาร์จไฟและแสดงผลออกหน้าจอความละเอียดสูงสุด 4K
- USB 3.2 ทั้งหมด 2 พอร์ต
- ช่องเสียบหูฟังแบบ Combo Audio Jack
- Micro SD card reader
ประสิทธิภาพการทำงาน
สำหรับรุ่นที่ผมรีวิวจะมาพร้อมกับ Intel® Pentium® Silver N6000 Processor 1.1 GHz (4M Cache, up to 3.3 GHz, 4 cores) หน่วยความจำ RAM 4 GB LPDDR4X ออนบอร์ด / eMMC 128 GB
ต้องแจ้งให้ทราบว่าสเปคข้างต้นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เปิดเอกสาร office ดูหนัง ฟังเพลง หรือการประชุมออนไลน์เป้นหลัก ถ้าอยากจะใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพผมขอแนะนำขยับไปเลือกรุ่น 8GB LPDDR4X on board / M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD 256GB ตัวนี้จะเหมาะสำหรับการใช้งานครอบคลุมมากกว่า และใช้งานฝั่ง Adobe ได้เต็มประสิทธิภาพ สำหรับเหล่าครีเอเตอร์ควรขยับเป็นอย่างยิ่ง แต่งภาพ Photoshop , Lightroom คล่องแน่นอน
แบตเตอรี่
ASUS Vivobook 13 Slate OLED ติดตั้งแบตเตอรี่มาที่ 50WHrs แบบ 3call รองรับการชาร์จเร็ว 65W ชาร์จเพียง 39 นาทีได้ 60% และรองรับการชาร์จผ่านเพาเวอร์แบงค์ชาร์จ ระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่จะอยู่ได้ราวๆ 8-9 ชั่วโมง ถ้าเปิดโหมดประหยัดพลังงานจะลากยาวได้เกินกว่า 12 ชั่วโมงแน่นอนครับ
สรุป
รูปแบบการใช้งานคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป ASUS Vivobook 13 Slate OLED เน้นความคล่องตัวเป็นหลัก ใช้งานด้านเอกสาร งาน office หรือเอาไว้ดูหนังฟังเพลง ตัวนี้จะเหมาะสมกับการใช้งานรูปแบบนี้เป็นพิเศษครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถกดเข้าไปอ่านได้ที่ กดที่นี่
จุดเด่น
- หน้าจอคุณภาพสูง พาแนลแบบ OLED แสดงผลได้คมชัดสวยงาม
- ค่าสีหน้าจอมีความเที่ยงตรงสูง เพื่อสายครีเอเตอร์จะเอาไปต่อยอดใช้งาน
- หน้าจอสามารถถอดออกมาจากแป้นพิมพ์ ใช้งานได้อิสระ
- หน้าจอรองรับการทัชสกรีน ทั้งนิ้วและปากกา
- ปากกาเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด รองรับแรงกดได้มากถึง 4096 ระดับ และสามารถเปลี่ยนปลายปากกาได้ทั้งหมด 4 แบบ
- ตัวเครื่องมีความบางและเบา พกพาออกไปใช้งานข้างนอกสะดวก
- ติดตั้ง Windows 11 Home และ Office Home & Student 2021 ตัวใหม่ล่าสุดมาให้พร้อมใช้งาน
- Wi-Fi 6 AX
- ประกันยาวๆ 2 ปีแบบ worldwide ครอบคุลม 57 ประเทศทั่วโลก และมีประกันอุบัติเหตุให้สำหรับ 1 ปีแรก
จุดสังเกตุ
- ตัวเริ่มต้นจะมากับแรมเพียง 4 GB (อาจจะใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ)
- ฐานแบบแม่เหล็กปะกบ แรงดูดแม่เหล็กน้อยไปนิดครับ เวลาตั้งใช้งานระวังจะหลุด
You must be logged in to post a comment.