Huawei FreeBuds Pro เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายแล้วกับค่าตัว 5,499 บาท โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นชูจุดเด่นเรื่องการดีไซน์ที่สวยงาม มีน้ำหนักเบาช่วยให้การสวมใส่ใช้งานสบาย มาพร้อมกับเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนเทคโนโลยี Hybrid Active Noise Cancelling ที่ตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้สูงถึง 40 เดซิเบล พร้อมระบบ ANC อัจฉริยะช่วยวิเคราห์เสียงรอบข้างและปรับระดับการตัดเสียงรบกวนได้ทั้งหมด 3 โหมด ไม่ใช่เด่นแค่เรื่องเสียงแต่ Huawei FreeBuds Pro ยังใส่ใจเรื่องการพูดคุยผ่านไมค์โครโฟน ได้ใส่ไมค์โครโฟนมาทั้งหมด 2 ตัวในแต่ละข้าง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และการออกแบบก้านหูฟังแบบใหม่ช่วยลดการต้านของลมเพื่อปะทะจากข้างนอก ช่วยลดเสียงรบกวนได้มากขึ้น
ด้านพลังเสียง มากับไดร์เวอร์ขนาด 11 มิลลิเมตร ให้คุณภาพเสียงที่ดี รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.2 สามารถเชื่อมต่อพร้อมกันได้สองอุปกรณืพร้อมๆกันครับ ด้านแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานถึง 7 ชั่วโมงในโหมดธรรมดา และกล่องหูฟังยังรองรับการชาร์จไร้สายเทคโนโลยี Qi (2W)
SPEC Huawei FreeBuds Pro
- ไดร์เวอร์แบบไดนามิก ขนาด 11 มม.
- เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน Hybrid Active Noise Cancellation
- ไมค์โครโฟนด้านละ 2 ตัว
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.2
- ความจุแบตเตอรี่ 55 mAh(ต่อข้าง) / 580 mAh(เคส)
- น้ำหนัก ประมาณ 6.1 กรัม(ต่อข้าง) / ประมาณ 60 กรัม(เคส)
- รองรับการชาร์จไร้สาย เทคโนโลยี Qi
- ราคา 5,499 บาท วางจำหน่าย 3 สี Silver Frost / Ceramic White / Carbon Black
แกะกล่องเช็คของ
อุปกรณืภายในกล่องทั้งหมดจะมีดังนี้
- ตัวหูฟัง
- กล่องหรือเคส
- สายชาร์จ USB-C
- จุกหูฟัง 3 ขนาด
- คู่มือการใช้งาน
วัสดุและการออกแบบดีไซน์
เคสของ Huawei FreeBuds Pro มีลักษณะวงกลมออกไปทางวงรีนะครับ จับถนัดมือและพกพาง่ายเพราะมีขนาดเพียง 70 x 51.3 x 24.6 มม. น้ำหนัก 60 กรัม สีที่ผมรีวิวคือสี Carbon Black จะเป็นสีดำเงาดูสวยงาม ตรงส่วนด้านหลังเคสจะมีโลโก้ของทาง Huawei คล้ายป้ายอลูมิเนียมก็ดูหรูดี
ภายในเคสจะมีแบตเตอรี่ขนาด 580 mAh ชาร์จผ่านพอร์ต USB Type-C (5V 1.2A 6W) รองรับการชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi (2 W) ระยะเวลาการชาร์จผ่านแบบสายใช้เวลา 1 ชม. ถ้าชาร์จแบบไร้สายใช้เวลา 2 ชม.
ด้านข้างจะมีปุ่มสำหรับการแพร์เพื่อเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 มีไฟแสดงสถานะทั้งด้านนอกและด้านในเคส บานสวิงฝาปิดมีความแข็งแรง
สำหรับการดึงหูฟังออกจากชุดเคส ต้องใช้นิ้วดันเล็กน้อยจะช่วยให้การหยิบจับดึงขึ้นง่าย
ก้านหูฟังทรงเหลี่ยมผสมผสานกับกรอบไดร์เวอร์ทรงกลม เห็นทาง huawei แจ้งว่าได้แรงบันดารใจมาจากตัวโน๊ตดนตรีอักษร ซอล ตรงด้านในจะมีไดร์เวอร์ขนาด 11 มม.
ตรงส่วนของก้านหูฟังรองรับการสั่งงานผ่านการกดด้านข้าง และภายในจะมีไมค์ทั้งหมดข้างละ 2 ตัว แบตเตอรี่ภายในขนาด 55 mAh(ต่อข้าง)
ขนาดหูฟัง 26 x29.6 x 21.7 มม. น้ำหนัก 6.1 กรัมต่อข้าง น้ำหนักถือว่าเบามากทำให้การสวมใส่สบายไม่หนักเกินไป และยังมีฟองน้ำมาให้ทั้งหมด 3 ขนาดเพื่อปรับเปลี่ยนตามขนาดและสรีระของแต่ละคน
การเชื่อมต่อ
สำหรับ Huawei FreeBuds Pro รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.2 เพื่อให้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพสำหรับสมาร์ทโฟนแนะนำให้โหลดโปรแกรม AI Life มาติดตั้งด้วยนะครับ ใช้งานได้ทั้ง iOS และ แอนดรอยส์
สำหรับท่านที่ใช้สมาร์ทโฟนของ Huawei ที่เป็น EMUI10 ขึ้นไป จะมี Pop-up & Pair แจ้งเตือนทุกคั้งเมื่อมีการเชื่อมต่อ จะแจ้งขนาดของแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ให้ทราบ
ซึ่งภายในโปรแกรม AI Life จะสามารถเข้าไปตั้งค่าการปรับระดับเสียงรบกวนจากภายนอกได้ ซึ่งปรับได้ทั้งหมด 3 โหมดคือ
- Ultra Mode สำหรับต้องการตัดเสียงรบกวนจากภายนอก เหมาะสำหรับเสียงรอบข้างดังๆ เช่นบนเครื่องบิน ข้างถนนที่รถวิ่งเยอะๆ
- Cozy Mode สำหรับการตัดเสียงรอบข้างน้อยที่สุด เสียงรอบข้างไม่ดังเดินไป
- General Mode สำหรับปรับเสียงรบกวนอยู่ระดับกลางๆ เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เสียงจากภายนอกยังเข้าบ้างไม่ปิดกั้นมากไป
ระดับการได้ยินหรือโสตประสาทของแต่ละคนไม่เท่ากัน ทาง Huawei FreeBuds Pro จึงมีฟังก์ชั่นช่วยให้การสวมใส่กระชับ สามารถเข้าไปตั้งค่าอย่างละเอียดใน AI Life ได้เช่นกันครับ
คุณสมบัติพิเศษ
- เทคโนโลยีการตัดเสียงรอบข้าง Hybrid Active Noise Cancellation สามารถตัดเสียงรอบข้างได้สูงสุด 40 เดซิเบล
- ไมค์ 2 ตัวต่อข้าง Dual Anti-wind Noiose Design เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสนทนาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- รองรับการเชื่อมต่อใช้งานพร้อมกัน 2 อุปกรณ์
- รองรับการสั่งงานผ่านการบีบที่ก้านหูฟัง
- มีระบบตรวจจับการสวมใส่
สรุป
Huawei FreeBuds Pro เป็นหูฟัง True Wireless แบบ In-Ear ที่สวมใส่สบายและตัดเสียงรบกวนด้านข้างได้ดีมากๆ คุณภาพเสียงออกไปทางเน้นเบสตามสไตล์หูฟังแบบอินเอียร์ ถ้าปิดฟังก์ชั่นการตัดเสียงรบกวน เวทีเสียงดีมากๆ ให้เสียงดังและชัดเจน ตำแหน่งต่างๆของเสียงแม่นยำดี แต่ถ้าเปิดโหมดลดเสียง Noise คุณภาพเสียงจะดร๊อปลงเล็กน้อย เล็กน้อยจริงๆ
ค่าตัว 5,499 บาท ผมว่าคุ้มนะ คุณภาพเสียงดี ตัดเสียงรบกวนภายนอกแทบจะสนิท และออกแบบสวยงาม
You must be logged in to post a comment.