เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ OPPO Reno-Series โดยรอบนี้มาทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันคือ OPPO Reno7 Rro 5G และรุ่นน้อง OPPO Reno7 5G ที่ทางเรากำลังจะรีวิวในตอนนี้ จุดเด่นของ Reno-Series คือการถ่ายภาพแนว Portrait มาโดยตลอดและรอบนี้เพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เพิ่มเติมกับการถ่าย VDO Portrait เข้ามาให้ และทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมกับสโลแกน “The Portrait Expert”
SPEC OPPO Reno7 5G
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล Refresh Rate 90Hz
- รองรับ 5G SA / NSA
- ชิปประมวลผล CPU Mediatek Dimensity 900
- GPU Mali-G68 MC4
- RAM 8 GB
- ROM UFS2.2 256 GB
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Color OS 12
- กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียด 64+8+2 ล้านพิกเซล
- WiFi 802.11 a/b/g/n/ac/6 2×2 MIMO and MU-MIMO
- Bluetooth v5.2 / NFC
- แบตเตอรี่ 4500mAh รองรับชาร์จเร็ว 65W SUPERVOOC
- ราคา 16,990 บาท วางจำหน่าย 2 สี Starry Black | Startrails Blue
แกะกล่องเช็คของ
อุปกรณ์ภายในกล่องทั้งหมดจะมีดังนี้
- ตัวเครื่อง OPPO Reno7 5G ติดฟิมล์หน้าจอป้องกันรอยขีดข่วนมาให้เรียบร้อย
- Adapter 65W SUPERVOOC
- สาย USB-Type-C
- เคสซิลิโคนใส
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือและใบรับประกัน
วัสดุและการออกแบบดีไซน์
OPPO Reno7 5G มาพร้อมกับหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล Refresh Rate 90Hz / Touch Sampling Rate 180Hz ค่าความสว่างสูงสุด 820 nits รองรับการแสดงสี 100% DCI-P3/135% sRGB ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่หน้าจอสามารถแสดงผลหน้าจอ สีสันคมชัดสวยงาม
ขอบหน้าจอเหลือพื้นที่น้อยมากทำให้มีสัดส่วนหน้าจอสูงถึง 90.8% หน้าจอรองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอและกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 5 เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน
หน้าจอเจาะรูแบบ Punch-Hole Display เพื่อวางกล้องหน้า กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ถัดขึ้นไปบริเวณขอบหน้าจอจะมีเซ็นเซอร์วัดแสงและลำโพงสนทนา
ด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม./ ไมค์สนทนา / พอร์ต USB-Type-C และลำโพงตัวเครื่อง
ฝั่งขวาจะมีปุ่ม power เพียงปุ่มเดียว
ด้านบนจะมีไมค์ตัดเสียงรบกวนมาให้หนึ่งตัว
ฝั่งซ้ายจะมีช่องถาดซิมการ์ดและปุ่มปรับระดับเสียง
ถาดซิมจะมีทั้งหมด 3 ช่องนะครับ รองรับ 2 ซิม + 1 microSD Card
ฝาหลังเน้นความโค้งมนใช้เทคนิคการผลิตแบบ OPPO Glow ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทาง OPPO เอง ทำให้เกิดแสงระยิบระยับ ลดการเกาะของรอยนิ้วมือ และใช้เทคโนโลยี Laser Direct Imagine เพื่อเซาะร่องขึ้นเส้นลวดลายทำให้ลวดลายคล้ายฝนตก สีที่ผมรีวิวคือสี Starlight Blue นะครับ ดูสวยงาม
ด้านหลังจะมีเลนส์กล้องทั้งหมด 3 เลนส์พร้อมไฟแฟลช วางในกรอบเดียวกัน
ขนาดตัวเครื่อง 160.6 x 73.2 x 7.81 มม. น้ำหนัก 173 กรัม (เมื่อถือใช้งาน)
ระบบปฏิบัติการ
OPPO Reno7 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Color OS 12 ฟีเจอร์เด่นๆที่เพิ่มเข้ามาคือ การใช้งานผ่านแอพคู่ รองรับการปรับแต่งไอคอนและวอลเปเปอร์ตามที่เราชอบ และเพิ่มส่วนของ Omoji เข้ามาให้มากขึ้น
ประสิทธิภาพการทำงาน
OPPO Reno7 5G เลือกใช้ชิปประมวลผล CPU Mediatek Dimensity 900 / GPU Mali-G68 MC4 รองรับการใช้งานของ 5G ทั้ง SA / NSA
หน่วยความจำ
- RAM 8 GB พร้อมเทคโนโลยี RAM Expansion ที่สามารถเพิ่มพื้นที่ขึ้นอีก 5GB
- ROM UFS 2.2 ขนาด 256 GB รองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอก microSD Card สูงสุด 256 GB
สำหรับการใช้งานทั่วไปถือว่าทำงานได้ไหลลื่นดีครับ ระบบจัดการพลังงานและความร้อนถือว่าทำได้ดี ส่วนการเล่นเกมชิปประมวลผลรองรับการเล่นเกมได้ค่อนข้างดีนะครับ ที่ชอบสุดคือเล่นนานๆเครื่องไม่ร้อนเท่าไหร่
กล้องถ่ายภาพ
ถือว่าเป็นจุดเด่นจุดขายของ OPPO Reno7 5G กันเลยทีเดียว และเป็นรุ่นที่ถูกพัฒนาจากรุ่นก่อนให้ดีขึ้นกว่าเดิมทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล สามารถเลือกปรับระดับค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ f0.95-f16 มีโหมดปรับแต่ใบหน้าสวยให้อัตโนมัติหรือจะเลือกปรับเองก็ได้ และมีฟิลเตอร์มาให้เลือกปรับเยอะมาก
เมนูกล้องหน้า OPPO Reno7 5G
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า OPPO Reno7 5G
ภาพบุคคล
ภาพบุคคลเปิด AI Coler Portrait
ภาพบุคคลเปิดใช้ฟิลเตอร์ภายในกล้อง
กล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งการทำงานได้ดังนี้
- เลนส์หลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f1.7
- เลนส์ Wide angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f2.25
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f2.4
สำหรับการถ่ายโหมดบุคคลจะมีให้เลือกปรับค่ารูรับแสงได้เอง มีโหมดใบหน้าสวยมาให้ทั้งระบบ AI หรือจะเลือกปรับเองและยังมีฟิลเตอร์ให้เลือกอีกเยอะแยะมากมาย
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดบุคคลปรับ AUTO
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดบุคคลค่ารูรับแสง f8
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดบุคคลค่ารูรับแสง f2.0
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดบุคคลค่ารูรับแสง f0.95
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด AUTO และภาพมุมกว้าง
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด AUTO ทั้งหมด
สำหรับการถ่ายวิดีโอแบบ VDO Portrait เพิ่มความเด่นของตัวแบบและละลายฉากด้านหลังให้ดูกลมกลืน การตัดขอบถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนมากๆครับ ฟังก์ชั่น AI Highlight Video จะช่วยเพิ่มแสงให้อัตโนมัติสำหรับการถ่ายย้อนแสงหรือในที่แสงน้อย สาย VLOG น่าจะชื่นชอบ
แบตเตอรี่
OPPO Reno7 5G ให้แบตเตอรี่ 4500mAh รองรับชาร์จเร็ว 65W SUPERVOOC จากที่ทดลองใช้งานมาถือว่าจัดการพลังงานได้ดีทีเดียวครับ ใช้งานเช้าถึงเย็นสบายๆไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมด และภายในกล่องแถมที่ชาร์จ 65W SUPERVOOC มาให้พร้อมใช้งาน
สรุป
OPPO Reno7 5G ทำการบ้านมาดีครับรอบนี้ เอาใจสายถ่าย Portrait ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ภาพถ่ายออกมาสวยจริงดูเป็นธรรมชาติ การใช้งานถือว่าง่ายมากมีโหมดมาให้พร้อมใช้งานแทบไม่ต้องมีสกิลในการถ่ายภาพระดับมืออาชีพแต่ภาพที่ถ่ายออกมาก็สวยได้ไม่แพ้กัน
สำหรับผม กล้องจะดีขนาดไหนถ้าใช้งานลำบากและต้องมีสกิลสูงๆถึงจะถ่ายออกมาสวย ก็คงไม่เหมาะที่จะอยู่บนสมาร์ทโฟนครับ เพราะถ้ากล้องดีต้องใช้งานง่ายและได้ภาพที่ถูกใจ OPPO Reno7 5G ตอบโจทน์ตรงนี้ได้ดีมาก (ภาพสวยใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก)
You must be logged in to post a comment.