สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Extreme PC ทุกคนนะครับ จากที่ทางเพจได้ทำโพสต์แจงคีย์บอร์ดรุ่นหนึ่งไป วันนี้ผมเลยจะมาขอรีวิวการใช้งานสักเล็กน้อย ว่ามันจะโดนใจเหล่าเกมมิ่งสักแค่ไหน มาดูกันเลยครับ กับคีย์บอร์ด Razeak RK-X14 Airavata
เนื่องจากสินค้าตัวนี้ผมเองก็ยังไม่ค่อยมีข้อมูลเท่าไรนัก ก็เลยได้ลองหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต พบว่ามันคือคีย์บอร์ดแบบ Semi-mechanical (หรือบางคนก็เรียกเท่ๆ ว่า Hybrid mechanical) ที่มีการผสมผสานระหว่างปุ่ม Mechanical blue switch และ Rubber นั่นเองครับ
** แอบมีกระซิบมาว่า มีปุ่มหลักของคีย์บอร์ดที่สามารถเปลี่ยนเป็นปุ่ม Mechanical ได้ด้วยนะครับ อันนี้ผมยังไม่ได้เช็คจนครบทุกปุ่มนะ แต่ตำแหน่ง WASD นี้ สามารถนำปุ่ม Mechanical มาใส่แทนได้เลย**
นอกจากนี้ คุณสมบัติเด่นๆ ที่มีระบุไว้หลังกล่องมีดังนี้ (ต้องขออภัยที่ไม่ได้เก็บภาพด้านหลังกล่องมาให้นะครับ)
– 19 Keys Anti-Ghosting: ป้องกันการเกิดโกสต์คีย์ ทำให้สามารถเล่นเกมได้อย่างสบายใจ จะกดปุ่มพร้อมกันหลายปุ่มก็ไม่มีพลาด
– Mechanical Feeling: ให้ความรู้สึกเหมือนได้ใช้คีย์บอร์ด Mechanical จริงๆ
– Multi-Effect Back Light: มีเอฟเฟคต์สำหรับไฟ Back light ให้เลือกใช้ได้มากมาย
– Double Color Keycap: มีการทำสีลงบนแป้นพิมพ์ถึง 2 ชั้น ทำให้มั่นใจได้ว่าตัวอักษรบนแป้นจะอยู่คงทน ไม่เลือนลางในระยะเวลาอันสั้นแน่นอน
– Frameless Design: ดีไซน์แบบไร้ขอบ ที่ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในการจัดตั้ง เหมาะกับโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่มีพื้นที่จำกัด และให้ความยืดหยุ่นในการเล่นเกม
เมื่อเปิดกล่องออกมา ภายในประกอบด้วยแป้นพิมพ์ที่บรรจุห่อมาอย่างดี พร้อมกับ Blue Switch แถมมาให้อีก 8 ชิ้นครับ (Switch นี้จะไม่มีชิ้นทองแดงโผล่ออกมาจากฐานนะครับ เนื่องจากมันคือ Switch “เลียน” Mechanical Switch แต่ให้เสียงคล้ายๆ กันเลยล่ะ)
หลังจากแกะกล่องเรียบร้อย ผมได้ลองสัมผัสดู รู้สึกว่ามันมีน้ำหนักมากกว่า Signo Centaurus KB-730 ที่ผมใช้อยู่ในปัจจุบัน ( Signo จะมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย)
ด้วยดีไซน์ไร้กรอบ ทำให้สามารถจัดวางคีย์บอร์ดบนโต๊ะขนาดเล็กได้ อย่างโต๊ะผมเป็นของหอพัก มีพื้นที่จำกัด ก็ยังสามารถวางเจ้า Razeak RX-X14 ได้อย่างสบาย ไม่รู้สึกเกะกะเวลาใช้งานครับ
ทางด้านหน้า ผมได้ลองแกะปุ่มออกมา พบว่าข้างในมี Blue Switch อยู่ด้วย มองแล้วก็คล้ายกับคีย์บอร์ด Mechanical เลยนะครับ
ที่ตัวฐานมีความหนา ดูแข็งแรงคงทน ทางด้านหลังจะมีขาตั้งอยู่ 2 ฝั่ง และทางด้านล่างจะมีแผ่นยางหนึบๆ กันลื่น ช่วยให้คีย์บอร์ดไม่เขยื้อนเวลาเราเล่นเกมแบบฮาร์ดคอร์ครับ
เอาล่ะเรามาลองเสียบใช้งานกันดู ตอนผมเสียบครั้งแรก ไฟ Back light จะติดขึ้นมาแบบกระพริบๆ ผมไม่ชอบเท่าไร มันทำให้มองไม่เห็นตัวหนังสือ เลยมองหาปุ่มปรับเอฟเฟคต์
ปุ่มที่ใช้ในการปรับเอฟเฟคต์นะครับ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ปุ่ม (กดใช้งานคู่กับปุ่ม FN) โดยจะอยู่ที่ปุ่มลูกศรบน-ล่าง 2 ปุ่ม ใช้ปรับระดับความเร็วของเอฟเฟคต์กระพริบ ส่วนอีกปุ่มจะอยู่ที่ปุ่ม Scroll lock เป็นปุ่มที่ใช้ในการเปลี่ยนเอฟเฟคต์ สุดท้ายผมเลยเปลี่ยนให้เป็นไฟนิ่งๆ ครับ (ไม่งั้นปวดหัวแย่เลยเวลาพิมพ์งาน)
** มีข้อสังเกตนิดนึงสำหรับเรื่องไฟ Back light นะครับ คือไฟจะไม่ดับไปเอง แม้เราจะไม่ใช้งานเป็นเวลานาน ไฟก็ยังติดอยู่ ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่ามันจะส่งผลต่อสวิตช์ไฟในตัวคีย์บอร์ดหรือเปล่า ใครที่ชอบเปิดคอมทิ้งไว้นานๆ โดยที่ไม่ใช้งาน ก็ให้ปิดไฟได้ด้วยปุ่ม Scroll lock นะครับ **
ส่วนการทดสอบเรื่องโกสต์คีย์ อันนี้ผมได้ลองทำแล้ว ก็สามารถใช้งานหลายๆ ปุ่มพร้อมกันได้เป็นอย่างดีครับ ใครสวย MOBA กดสกิลเยอะๆ สบายใจได้เลยครับ
ความรู้สึกจากการใช้งานหลังจากเล่น Need for Speed: Payback และการพิมพ์งานใน Word ถือว่าการตอบสนองทำออกมาได้ดีนะครับ (ดีมากด้วย ผมไปแตะโดนนิดเดียวก็ติดคีย์มาให้แล้ว) โดยส่วนตัวผมยังไม่ค่อยชินกับการใช้งานสักเท่าไร อาจจะต้องลองใช้งานไปสักพัก
อีกอย่างหนึ่งคือ Blue Switch ที่ติดมากับเครื่อง จะไม่ใช่ Mechanical Switch แท้ๆ นะครับ แต่จากที่ลองใช้งานดู ถือว่าใช้งานได้โอเค แม้เสียงกดจะเบากว่า Blue Switch ของ Cherry MX ไปนิดนึง
สำหรับใครที่สนใจนะครับ สามารถหาซื้ออนไลน์ได้ แต่เรื่องราคาผมไม่แน่ใจว่าเท่าไร ใครที่ทราบราคาก็คอมเมนต์บอกมาได้นะครับ ส่วนใครที่รอแจกคียบอร์ด อดใจรออีกนิดนึงนะครับ ^^
You must be logged in to post a comment.