เรื่องนี้ได้กลายเป็น Talk of the town ไปทันที เมื่อทาง AMD ได้ออกมาชี้เเจงถึงประเด็นความคลุมเครือในการแสดงผลของ Ryzen Master ว่าสรุปแล้ว แกนประมวลผลตัวไหนที่แรงที่สุด
ต้องวางพื้นเรื่องเดิมก่อนนะครับ คือหลังจากที่ AMD มีการเปิดตัวซีพียู Ryzen 3000 ก็ได้มีคนสังเกตเห็นว่า โปรแกรม Ryzen Master แสดงข้อมูลของแกนประมวลผลที่มีความเร็วสูงสุดแปลก ๆ ไป เพราะมีทั้งดาว, ดาวทอง และจุด สรุปแล้วมันคือแกนไหนกันแน่
ทีนี้ผมจะขออ้างอิงข้อมูลเรื่องการเลือกแกนประมวลผลที่แรงที่สุดของ AMD ขึ้นมาก่อนนะครับ คือ AMD จะแบ่งอัลกอริธึมในการเลือกแกนออกเป็น 2 ส่วน คือ
1. CPPC2 ตัวนี้จะผูกติดกับเฟิร์มแวร์ของไบออส ไว้คอยสื่อสารกับ Windows ว่าจะเลือกแกนไหนเป็นแกนที่แรงที่สุด จาก Performance ที่ได้รับ
2. SMU ตัวนี้จะเป็นตัวหลักที่ AMD ใช้ โดยจะพิจารณาจากคุณสมบัติทางไฟฟ้า ว่าแกนไหนที่มีสามารถดันได้แรงสุด (แน่นอนว่าแกนที่ถูกเลือกโดย SMU จะเกี่ยวข้องกับการ OC โดยตรง)
เอาล่ะมาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งงง ผมจะพาไปดูภาพของ Ryzen Master จาก Anandtech ครับ
จากภาพจะเห็นได้ว่ามันมีสัญลักษณ์ทั้ง ดาวทอง, ดาว และจุด โดยแต่ละอันมีความหมาย คือ
ดาวทอง – แกนประมวลผลที่แรงที่สุดจากทั้งหมดของซีพียู และเป็นแกนที่แรงที่สุดของ CCX
ดาว – แกนประมวลผลที่แรงที่สุดใน CCX นั้น
จุด – แกนประมวลผลที่แรงลองลงมาในแต่ละ CCX
*ให้ CCX1 มีแกน 0-3 และ CCX2 มีแกน 4-7*
ถัดมาเรามาดูภาพจาก HWiNFO ซึ่งได้แสดงความเร็วของแกนประมวลผลแต่ละแกน เมื่อมีการทดสอบงาน Single-Threaded ต่าง ๆ
และแปลงมาให้เป็นตารางดูง่ายขึ้น
Andrei’s 3700X Example | |||
Core # |
CPPC2 Data / Ranking |
Ryzen Master |
SMU Data / API Ranking |
0 | 148 / #3 | #6 | |
1 | 144 / #4 | #8 | |
2 | 151 / #1/2 | Dot | #3 |
3 | 151 / #1/2 | Star | #2 |
4 | 140 / #5 | Gold Star | #1 |
5 | 136 / #6 | #5 | |
6 | 132 / #7 | Dot | #4 |
7 | 128 / #8 | #7 |
จะเห็นว่าถ้ายึดตาม SMU จะได้แกน 4 แรงที่สุด เมื่อยึดตามคุณสมบัติทางไฟฟ้า (หมายความว่าแกนนี้จะ OC ได้ดีที่สุด) แต่พอกลับมาดูในส่วนของ CPPC2 ซึ่งเก็บข้อมูลโดย Windows เอง แกนที่แรงที่สุดในงานทำงาน Single-Thread คือแกน 2 และ 3
ทำไมประมวลผล Single-Core ถึงใช้ 2 แกนหละ ?
เพราะ Windows จะมีการสลับการประมวลผลระหว่างสองแกน เพื่อแบ่งเบาภาระงาน และเฉลี่ยความร้อนไม่ให้สูงเกินไป
และคำถามถัดไปที่ตามมา ทำไม Windows ถึงเลือกแกน 2 และ 3 ?
อันนี้คาดว่าเป็นเพราะ Windows ต้องใช้แกนประมวลผลสองแกน เพื่อทำงานสลับกันไปมา จากข้อมูลทางด้านบน ถ้า Windows เลือกแกน 4 และแกน 2 ไว้ทำงาน มันจะต้องส่งงานกันข้าม CCX ซึ่งจะเกิดค่า Latency สูง และทำให้ประสิทธิภาพลดลงกว่าเดิม
Andrei’s 3700X Example | |||
Core # |
CPPC2 Data / Ranking |
Ryzen Master |
SMU Data / API Ranking |
0 | 148 / #3 | #6 | |
1 | 144 / #4 | #8 | |
2 | 151 / #1/2 | Dot | #3 |
3 | 151 / #1/2 | Star | #2 |
4 | 140 / #5 | Gold Star | #1 |
5 | 136 / #6 | #5 | |
6 | 132 / #7 | Dot | #4 |
7 | 128 / #8 | #7 |
แต่ถ้า Windows เลือกแกน 4 และเลือกแกน 6 ซึ่งอยู่ใน CCX2 เหมือนกัน แต่จะเห็นว่าแกน 4 แรงเป็นอันดับหนึ่ง แต่แกน 6 แรงเป็นอันดับสี่ นั่นก็ทำให้ประสิทธิภาพไม่ดีเช่นกัน
ในทางกลับกัน ถ้าเลือกแกน 3 และ 2 ในการทำงาน Single Thread ซึ่งแรงเป็นอันดับสอง/สาม ประสิทธิภาพก็ไม่ได้ลดลงมาก แถมยังอยู่ใน CCX เดียวกันอีก นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม CPPC2 ถึงเลือกไว้แบบนั้น
แล้วแกน 4 ซึ่งเป็นแกนที่แรงที่สุดตามระบบ SMU เอาไว้ทำอะไร ?
เอาไว้อวดค่า OC ครับ ใช่แล้ว เพราะแกนที่แรงที่สุดที่ถูกเลือกโดย SMU จะเป็นแกนที่มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าที่ดีที่สุด (จากการทดสอบมาจากโรงงานแล้ว) ถ้าเราต้องการ OC แค่แกนเดียวให้แรงสุด ๆ ควรจะเลือกแกนที่ถูกพิจารณาตามระบบ SMU
จะเลือกเชื่อ Windows หรือ Ryzen Master ดีหละ ?
เชื่อ Windows น่าจะดีกว่า เพราะถ้าเทียบ Windows เป็นหัวหน้างาน ก็ได้เลือกคนทำงานที่เหมาะที่สุดไว้แล้ว ดังนั้น อย่างที่บอกไว้ข้างต้น ถ้าจะ OC มัน ๆ ให้ยึดแกนตาม Ryzen Master แต่ถ้ามองภาพรวมแล้ว ยึดตาม Windows จะได้แกนที่ทำงานมีประสิทธิภาพที่สุดครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Anandtech
You must be logged in to post a comment.