Synology เปิดประสบการบ้านไรสาย @ Computex 2016

บู็ธของทาง  Synology มีนวัตกรรมใหม่ๆทางด้าน storage ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยที่เดียว อย่างเช่นตัว FS3017 FlashStation เป็นสินค้ารุ่นใหม่ all-flash-array series ของทาง Synology ซึ่งมาพร้อมประสิทธิภาพทางด้านการถ่ายโอนข้อมูลที่มีศักยภาพสูง มีความเร็วทางด้านเขียนมากกว่า 200,000 IOPS ในระดับ 4K random writing กับ iSCSI ที่สูงกว่า RDMA enabled, ตัว Intel-Xeon ที่ใช้ใน FS3017 ก็ยังมีราคาที่ถือว่่าไม่ทำให้ต้นทุนนั้นสูงจนเกินไป โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.52 USD per/ต่อ GB, ซึ่งเป็นต้นทุนที่ถือว่าถูกที่สุดในตลาดของ servers. และหากต้องการเซ็ตค่าเพื่อให้ได้ประสิทธิตามรุ่นของ FS3017 จากทาง Synology’s lineup ละก็: จะต้องมี dual Intel Xeon processors, ต้องมีถึง 24 drives (จาก mainstream SATA/SAS SSDs เพื่อหลีกเลี่ยงผู้ขาย lock-in), และต้องรองรับได้ในระดับเดียวกันกับตลาดชั้นนำ 10/25/40GbE NIC.

บู๊ธแสดง Distation รุ่นต่างๆ

เรามาดูรุ่นแรกกันเลยสำหรับ Distation รุ่น DS416play, เป็นสินค้าในระดับ ผู้บริโภค consumer-centric four-bay NAS server มาพร้อม Intel Celeron dual-core processor, สามารถทำความเร็วทางด้านอ่านได้ 225 MB/s reading และ 186 MB/s writing ภายใต้ RAID 5 configuration ใน Windows® ตัว DS416play มี single channel 4K Ultra HD หรือ triple-channel full HD video สามารถแปลงรหัสได้อย่างรวดเร็ว, และเป็น dual gigabit LAN แม้เกิดการขัดข้องหรือล้มเหลวก็ยังรองรับเพื่อให้แน่ใจว่ายังทำงานอยู่ต่อเนื่องแม้ network จะล่ม

รุ่น DS716+II แม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ที่ผ่านมา แต่ทาง Synology ก็ยังนำมาแสดงที่บู๊ธด้วย. ถึงแม้ว่าจะมีเพียงแค่ 2 storage bays (มากสุด 16TB), ตัว NAS ตัวนี้ยังสามารถที่จะต่อขยายเพิ่มได้อีก 5 storage bays โดยผ่านทาง DX513 NAS ควบคู่กันไป. ในด้านฮาร์ดแวร์นั้น มีตัว Celeron processor มาช่วย ทางด้านการถ่ายโอนไฟล์ได้อย่างนับไม่ถ้วน

ตัวไฮไลท์ในบู๊ธเห็นจะเป็นรุ่น DS916+ และ DS416play. ซึ่งจะขับเคลื่อนโดย Intel Pentium quad-core CPU, ตัว DS916+ สามารถทำงานได้ประทับใจโดยมีค่าการอ่านที่ 225 MB/s reading และ 221 MB/s writing. แม้กระทั้งข้อมูลที่ถูกใส่รหัส/encrypted data, ตัว DS916+ ก็ยังทำได้ 225 MB/s reading และ 209 MB/s writing. และยังมีความคล่องตัวในด้าน storage สามารถรับได้ถึง 9 drives และ memory อีก 2 ตัวที่ขนาดความจุ 2GB และ 8GB, ผู้ใช้สามารถดูแลหรือจัดการทางด้าน storage ได้อย่างคล่องตัว

มาอีกรุ่น DS416slim เป็น 4-bay NAS server ขนาด 2.5″ drives, มุ้งเน้นไปที่ผู้ใช้ภายในบ้านหรือผู้เชี่ยวชาญสาขาอาชีพนั้นๆเพื่อต้องการสิ่งที่สะดวกและกระทัดรัด ประหยัดพลังงาน พกพาสะดวกและง่าย สามารถรองรับได้ถึง 4 disks, เพื่อมามอบความสะดวกและผลผลิตในด้านบริการหรือเป็นศูนย์กลางในด้าน media center solution

ถัดมาเป็น Router รุ่น RT2600ac ซึ่งมีความสามารถทางด้านถ่ายโอนข้อมูลได้มากถึง 1733Mbps บนย่านความถี่ 5GHz band และ 800Mbps บน 2.4GHz band รวมแล้วก็ 2600Mbps ตามชื่อรุ่นจริงๆ.

ทางด้านหลัง, มี USB 2.0 port, Gigabit Ethernet WAN port และ  Gigabit Ethernet LAN 4 ports

อีกรุ่น DS216+II อาจจะเรียกได้ว่าเป็นรุ่นน้องคนสุดท้องก็ว่าได้ สามารถจุ HDDs ได้สองตัวด้วยขนาดความจุที่ 16TB แบบสุดๆแล้ว, ตัว NAS รุ่นนี้ยังมี storage solutions แบบใหม่ที่สามารถทำ hot swapping (แบบไม่ต้องถอดปลั๊ก) ง่ายต่อการบำรุงรักษา.

ถึงแม้ว่ารุ่น DS216+II จะเป็นน้องคนสุดท้อง แต่ก็เชื่อไม่ทิ้งแถว ได้ DNA มาจากรุ่นพี่มาเยอะพอควร

ในบู๊ธของทาง Synology ได้โชว์ Synology Router Manager (SRM) 1.1, ออกแบบมาเพื่อความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานแต่ทันสมัยสำหรับผู้ใช้และโดยเฉพาะ การดูแลระบบ network, Synology Router Manager 1.1 มีระบบ intelligent network management ซึ่งทำงานได้เหนือกว่าขอบเขตของการต่อเชื่อมด้วย wireless routers แบบธรรมดา: ตัว Smart Connect จะนำอุปกรณ์ไปต่อกับช่องทางหรือ band ที่ดีที่สุดสำหรับ Wi-Fi connection; ตัว Smart WAN เป็นตัวรองรับอัตโนมัตหากเกิด network failover/ล่ม หรือการโหลดแบบพร้อมๆกัน/load balancing เพื่อให้มั่นใจได้ว่าตัว network จะไม่ถูกรบกวนในขณะต่อเชื่อม/connectivity;

มาพร้อมระบบป้องกันภัยจากภายนอก/Intrusion prevention มีระบบเตือนภัยอัตโนมัต intrusion detection system (IDS) และ intrusion prevention system/ระบบป้องกัน (IPS) เพื่อไม่ให้เกิดการบุกรุกจากภายนอกมายัง network ได้.

และสำหรับใครที่ต้องการระบบเฝ้ามองหรือระบบเตือนภัยประจำบ้านหรือที่ทำงาน/surveillance system, ทาง Synology ได้นำระบบ Surveillance Station 7.2 รุ่นล่าสุดมาแสดงในงานด้วย และเป็นระบบอัตโนมัตทั้งหมด, เป็นระบบพร้อมสั่งงานที่จะมาทำงานควบคู่กับคอมพิวเตอร์ desktop ของผู้ใช้ เพียงแค่ทำการต่อเชื่อมกับตัว I/O modules, ระบบเตือนป้องกันภัย/Surveillance Station ก็จะสามารถทำหน้าที่ได้เหมือนกับตัว central hub กับอุปกรณ์เสริมได้หลากหลายชนิดเช่นระบบไฟ LED lights, การล๊อคด้วยระบบไฟฟ้า/electromagnetic locks, และระบบจับความเคลื่่อนไหว/motion detectors. นอกเหนือไปจากนี้, ตัวคอมพิวเตอร์ที่สร้างมาจำเพาะนี้สามารถให้ผู้ใช้ล๊อคอินหรือเข้าสู่ระบบโดยไม่ต้องผ่าน web browser. และตัว Synology Central Management System (CMS) ยังรวมไปถึงการใช้งานร่วมกับ QuickConnect และ HTTPs และการแจ้งเตือนแบบรวมอีกด้วย.

Synology ได้สร้าง network ที่มีตัว storage ร่วมอยู่ด้วยกัน, IP surveillance solutions, และอุปกรณ์ network ที่จะสามารถทำให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลและจัดการได้สะดวกง่ายขึ้น การจัดการกับระบบ surveillance, และดูแล network ในยุคสมัยที่เป็นหรือใช้ cloud ให้เป็นประโยชน์. และการนำประโยชน์มาใช้ให้ได้มากที่สุดของเทคโนดลจีสมัยใหม่นี้, ทาง Synology มุ้งเน้นและช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการจัดเก็บข้อมูลและ backup, ให้เป็นศูนย์กลาง การแชร์ไฟล์ต่างๆในขณะเดินทาง, การเข้าถึงระบบ surveillance solutions,และการจัดการทางด้าน network ให้เสถียรและมีศักยภาพและไม่แพงจนเกินไป. Synology รับประกันและมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสินค้าต่างๆเพื่อสร้างและรองรับแนวความคิดใหม่ๆเพื่อตอบสนองกับลูกค้าให้คลอบคลมุทุกกลุ่มสาขาอาชีพ

ที่มาเครดิต

@ computex 2016