เมื่อครั้งที่ Windows 11 เปิดตัว เคยมีคนออกมาบ่นว่าฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นเกม บางทีหลายคนอาจจะลืม ๆ กันไปบ้างแล้ว แต่จากการทดสอบล่าสุดดูเหมือนว่าปัญหานี้ยังคงอยู่ครับ
Tom’s Hardware ค้นพบว่า ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยใน Windows 11 ที่มีชื่อว่า Virtualization-based Security (VBS) ส่งผลกระทบให้ประสิทธิภาพการเล่นเกมลดต่ำลง ตั้งแต่ 1-10% และถึงแม้จะสั่งปิดฟีเจอร์นี้ไปแล้ว แต่ Windows ก็ยังบังคับเปิดขึ้นมาใหม่อยู่ดี
VBS คือ เกราะความปลอดภัยเสริมทำหน้าที่จำลองสภาวะแวดล้อม เพื่อแยกโซนการทำงานของหน่วยความจำ ป้องกันโค้ดหรือไดรเวอร์ประสงค์ร้าย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Hypervisor Enforced Code Integrity (HVCI) ซึ่งเชื่อว่าฟังก์ชันนี้ใน VBS ที่เป็นตัวการลดทอนประสิทธิภาพนั่นเอง
ช่วงปี 2021 ที่มีการพูดถึงประเด็นนี้ เคยมีการทดสอบพบว่าซีพียู Ryzen 1000 Series และ Intel Gen 10 ได้รับผลกระทบนี้ไปเต็ม ๆ โดยการเล่นเกมบางเกมได้ประสิทธิภาพลดลงถึง 30% และจากข้อสรุปของ Tom’s Hardware กล่าวว่า ฮาร์ดแวร์ทุกตัวที่ออกมาตั้งแต่ 2 ปีก่อน ได้รับผลกระทบหมดไม่เว้นแม้แต่การทดสอบด้วย RTX 4090
Tom’s Hardware ทำการทดสอบทั้งหมด 15 เกม โดยเฉลี่ยแล้วจะมีประสิทธิภาพลดลงราว 5% เมื่อเทียบกับตอนที่ปิดฟีเจอร์ VBS และถ้าเล่นเกมบนความละเอียดที่ต่ำลงจะยิ่งได้รับผลกระทบมากขึ้น เกมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ Microsoft Flight Simulator ที่การทดสอบบนความละเอียด 1080p และ 4K มีประสิทธิภาพลดลง 11% และ 8% ตามลำดับ
ประโยชน์ของ VBS และ HVCI ยังเป็นที่ถกเถียงว่าควรเปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้นหรือไม่ อย่างกรณีของผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้เดินทางไปไหน ไม่ได้ยุ่งกับใคร ความเสี่ยงที่จะโดนโจมตีในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นได้น้อย แต่ประสิทธิภาพที่ลดลงอาจมีความสำคัญกับพวกเขาก็ได้นะ
ส่วนวิธีการปิด VBS ให้เข้าไปที่ Settings > Update & Security > Windows Security เลือก “Open Windows Security ไปที่ Device Security > Core Isolation Details ให้เรากดปิดเมนู Memory Integrity แล้วรีสตาร์ตคอม เท่านี้ก็จะปิดการทำงานของ VBS แล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Techspot
You must be logged in to post a comment.