สรุปฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 เตรียมอัปเกรดกันได้ภายในสัปดาห์หน้า (สำหรับ DEV)

สำหรับในบทความนี้ผมนำเนื้อหาสรุปย่อฟีเจอร์เด่น ๆ ใน Windows 11 มาให้เพื่อน ๆ ได้อ่าน นอกเหนือจากเรื่องประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์แล้ว จะมีอะไรเด็ด ๆ อีกบ้างไปดูกันเลยครับ

แน่นอนว่าดีไซน์ของ Windows 11 นั้น ถอดแบบมาจาก Windows 10X ที่ Microsoft เลิกพัฒนาไปแล้ว โดยย้าย Start menu มาไว้ที่กลางทาสก์ พร้อมแสดงรายการโปรแกรมต่าง ๆ แบบลอยเด่นขึ้นมา (ซึ่งดูแล้วผมว่ามันคล้ายกับเมนูของ Linux UI อย่างบางตัวเลยนะ แต่บางคนว่าเหมือน macOS เอาเป็นว่ารวม ๆ อยู่ในนี้ละกัน)

ฟีเจอร์ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงยกเครื่องครั้งใหญ่ มีดังนี้

– ย้าย Start Menu มาอยู่ตรงกลาง ย้ายทาสก์บาร์ไม่ได้แล้ว จะอยู่ข้างล่างตลอดไป

– เพิ่มความใสของหน้าต่างโปรแกรมต่าง ๆ คล้าย ๆ Windows Aero แต่มีความขุ่นและออกโทนขาวกว่า แถมยังทำแอนิเมชันใหม่ และปรับให้หน้าต่างมีมุมโค้งมากขึ้น

– Microsoft Store ปรับโฉมใหม่ ส่วนตัวผมว่าไม่ได้มีอะไรต่างจากเดิมในแง่ของดีไซน์ต่าง ๆ แต่ปรับให้เอื้อต่อการพัฒนาแอปมากขึ้น และจะมีแอปใหม่มาลงอีกเยอะอย่าง Adobe Creative Cloud, Disney+, TikTok, Zoom, Microsoft Teams และ Visual Studio ซึ่งจะมีอัปเดตให้กับ Windows 10 ด้วย

– รันแอป Android ได้แล้ว !! โดยติดตั้งผ่าน Amazon App Store อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแอปนี้ต้องอาศัยเทคโนโลยี Intel Bridge จึงเกิดข้อสงสัยว่าแล้วซีพียู AMD จะเล่นได้ไหม คงต้องรอดูกันต่อไปครับ

– Windows 11 มาพร้อม DirectX 12 Ultimate, Direct Storage (ส่งข้อมูลเกมจาก SSD ไปการ์ดจอโดยตรง โหลดเกมเร็วขึ้น) และ Auto HDR

– Xbox Game Pass รวมเข้าในระบบปฏิบัติการเลย

– แอป Chat จาก Microsoft Team อารมณ์เหมือน MSN ที่ติดมากับ Windows และ Microsoft Team ถูกรวมอยู่ในทาสก์บาร์ด้วย

– Snap Layouts แคปภาพหน้าจอไวขึ้น และทำได้หลากหลายแบบมากขึ้น

– ปรับปรุงระบบสัมผัส ทำงานได้ดีขึ้น

– มีระบบ Quick action/Quick settings ตั้งค่ารวดเร็วและสั่งการง่ายขึ้น

สำหรับกำหนดการเปิดตัวนั้น ตรงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วงของฝั่งตะวันตก ก็จะราว ๆ เดือนกันยายน ซึ่งผู้ใช้สามารถอัปเกรดจาก Windows 7/8/8.1/10 ได้ฟรี แต่อย่าลืมเช็คสเปกตัวเครื่องก่อนนะ ซึ่งสามารถเช็คได้ด้วย โปรแกรมนี้ ดาวน์โหลดมาติดตั้ง หากสเปกเรารองรับมันจะขึ้นสีเขียวครับ