หากใครยังจำได้ช่วงแรกที่ Microsoft เปิดตัว Windows 11 นั้น มีการเคลมว่ามันจะเล่นเกมได้ดีกว่า Windows 10 พูดง่าย ๆ คือระบบออกแบบมาเพื่อเล่นเกมโดยเฉพาะ แต่ดูเหมือน PC แบบพรีบิวต์ที่มีการติดตั้ง Windows 11 มาจากโรงงานจะมีปัญหาเรื่องการเล่นเกมเสียแล้ว
ข้อมูลจากทาง PCGamer เผยว่า คอมพิวเตอร์ PC แบบพรีบิวต์หรือที่เรามักเรียกว่าคอมเซต จากแบรนด์ต่าง ๆ ที่ติดตั้ง Windows 11 จะเปิดใช้งาน Virtualization-Based Security (VBS) ซึ่งฟีเจอร์นี้มีมาตั้งแต่ Windows 10 เพียงแต่ไม่ได้ถูกเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น
VBS เป็นพีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่จะสร้างสภาพแวดล้อมให้กับหน่วยความจำ แยกออกจากตัว Windows ซึ่งมันเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะฝั่งธุรกิจ (ซึ่งพวกนั้นน่าจะไม่ได้เล่นเกม) แต่ในฝั่งผู้ใช้ทั่วไปที่เน้นการใช้งานด้านเอนเตอร์เทนเมนต์และเล่นเกมเป็นหลัก ฟีเจอร์นี้จะลดประสิทธิภาพในการเล่นเกมลงครับ
ส่วนเฟรมเรตที่ร่วงจาก VBS นั้น บางเกมอย่าง Shadow of the Tomb Raider เฟรมเรตตกลงถึง 28% ในขณะที่เกม Far Cry New Dawn ร่วงเพียงแค่ 5% เท่านั้น แต่ทั้งหมดนี้ตัวการ์ดจอและซีพียูยังทำงานปกตินะครับ แต่ไฟที่จ่ายให้การ์ดจอและซีพียูกลับลดลงแทน นี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เฟรมเรตร่วงได้
ถึงกระนั้น ถ้าเราไม่ได้ซื้อคอมแบรนด์มาใช้งาน (ที่ติดตั้ง Windows 11 มาให้แบบเสร็จสรรพ) เน้นประกอบเองลง Windows 11 เอง หรือใครที่อัปเกรดจาก Windows 10 เป็น Windows 11 ตัวฟีเจอร์ VBS จะยังปิดอยู่นะครับ เพราะฉะนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบในจุดนี้ สบายหายห่วงได้เลย แต่ถ้าใครซื้อคอมแบรนด์มาให้ลองหาวิธีปิด VBS กันไปก่อน (ลองค้นจาก Google เอานะครับ)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก PCGamer
You must be logged in to post a comment.